ลำดับต่อไปก็จะเกิดอาการที่เรียกว่า สุข ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ฌานทั้ง ๕ เป็นลำดับที่ ๔ คือมีอาการสงบเยือกเย็น มีความสุขมากอย่างชนิดที่ไม่สามารถที่จะพูดเป็นภาษามนุษย์ได้ เพราะว่าสมาธิจิตตอนนี้เริ่มก้าวเข้าสู่ความเป็นฌาน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้คำว่า อุปจารฌาน ใกล้ความเป็นฌานแล้ว กำลังสูงมากพอสามารถกดกิเลส คือ รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงได้ชั่วคราว
ไฟรัก ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง ที่เผาผลาญเราอยู่ตลอดเวลา โดนกดดับไปได้ด้วยอำนาจของอุปจารฌานนี้ คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับลงไป มีความสุขอย่างไรพูดเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ บาลีใช้คำว่า ปัจจัตตัง เป็นเรื่องที่รู้เฉพาะตัว จนกว่าเราจะเข้าใจเองถึงจะเข้าใจอย่างแท้จริง สิ่งที่อธิบายด้วยคำพูดและตัวหนังสือเป็นเพียงแค่ของหยาบ ๆ เท่านั้น
เมื่อก้าวข้ามตรงจุดนี้ไป สภาพจิตก็จะปักมั่น เป็นเอกัคตารมณ์ องค์ประกอบสุดท้ายขององค์ฌาน ตอนนี้สภาพจิตของเราจะถึงพร้อมด้วยองค์ ๕ คือ คิดนึกอยู่ว่าจะภาวนา ได้แก่ วิตก ลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น ใช้คำภาวนาว่าอย่างไรก็รู้อยู่ คือมีวิจาร เกิดอาการ ๕ อย่างอย่างใดอย่างหนึ่งในปีติขึ้นมา มีความสุข เยือกเย็นซาบซ่านอย่างไม่เคยปรากฏในชีวิตมาก่อน ท้ายที่สุดอารมณ์ปักมั่นเป็นหนึ่งเดียวอยู่กับลมหายใจและคำภาวนาตรงหน้า ไม่ไปไหน
ความจริงอาการทั้ง ๕ อย่างนี้เกิดขึ้นตามลำดับไป เพียงแต่เกิดจะเร็วจนเหมือนกับเกิดขึ้นพร้อมกันก็มี บุคคลที่สภาพจิตหยาบอาจจะแยกไม่ออก คิดว่าเกิดพร้อมกัน แต่บุคคลที่สภาพจิตละเอียดจะแยกออกได้ว่าเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ทีละลำดับไป เมื่อถึงตรงนี้ สภาพจิตของเราจะทรงตัว มีกำลังเพียงพอในการกดกิเลสให้ดับลงชั่วคราว ถ้าเราอาศัยกำลังตรงนี้ในการพิจารณาตัดละ รัก โลภโกรธ หลง เราก็สามารถที่จะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าในระดับของพระโสดาบันหรือสกทาคามี
ดังนั้น..อัปปนาสมาธิเบื้องต้นคือปฐมฌาน เป็นสิ่งที่นักปฏิบัติทุกคนต้องหวังและเข้าถึงให้ได้ หลังจากนั้นเราจะใช้สมาธิในลักษณะอย่างไร หรือกำหนดตัดละกิเลสอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไป
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2019 เมื่อ 13:27
|