เท่าที่ได้บอกกล่าวกับพวกเรามา ก็เหลือเวลาอีกประมาณ ๑๐ นาที ไม่ทราบว่าโยคีบุคคลของเรา ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ จะมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมบ้าง ? ถ้าตอบได้ก็จะได้แก้ไข ช่วยเฉลยให้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ต้องไปสอบถามตอนที่เราไปส่งอารมณ์ตามเคย ถ้ามีใครข้องใจสงสัยตรงไหนสามารถไต่ถามได้เลยครับ
ถ้าหากว่าไม่มีจุดที่จะไต่ถาม ก็ขอย้ำว่าการปฏิบัติธรรมของเรา สำคัญที่สุดคือรักษาอารมณ์การปฏิบัติของเราเอาไว้ ถ้าเรารักษาไม่ได้ การปฏิบัติของเราเท่ากับว่าเป็นหมัน เพราะว่าทำไปเท่าไร ผลดีก็ไม่เกิดขึ้น ถ้ามีคำถามก็เชิญเลยครับ
ถาม : เวทนาเรากำหนดเท่าไร ยิ่งแรงขึ้นแรงขึ้น จนไม่ไหวแล้วครับ ทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเรายังไม่เข้าใจว่าวัตถุประสงค์ของการดูเวทนาของเราคืออะไร เวทนาที่เรากำหนดดูนั้นมี ๒ รูปแบบ
รูปแบบแรกที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ดูให้รู้ว่าเวทนาเป็นเราหรือเปล่า ? เวทนานั้นใช่เราหรือเปล่า ? คำว่า เรา ในที่นี้หมายถึงจิตที่มาอาศัยร่างกายนี้อยู่ ถ้าเราสามารถแยกแยะได้ว่าเวทนาเป็นสมบัติของร่างกาย ไม่ใช่สมบัติของใจ ต่อให้มีเวทนาเกิดขึ้น เราก็จะไม่สนใจ ในที่สุดสภาพจิตก็จะก้าวข้ามตรงนั้นไปได้
อีกอย่างหนึ่งก็คือแนวปฏิบัติแบบสุกขวิปัสสโกที่ว่า สุขาปฏิปทา ก็คือปฏิบัติสบายหน่อย ถ้าถึงเวลาลำบาก เราคิดว่าเราจะทรงสมาธิต่อไป เราสามารถที่จะเปลี่ยนอิริยาบถได้ แต่ว่ากระผมอยากจะถวายคำแนะนำว่า การปฏิบัติธรรมของเรา เป็นเรื่องของบุคคลที่เป็นปรมัตถบารมีจริง ๆ เพื่อเข้าถึงความดี แม้จะแลกด้วยชีวิตเขาก็ยอม เพราะฉะนั้น...ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะไม่มีคำว่าไม่ไหว ก็คือสู้จนตายกันไปข้างหนึ่งเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2022 เมื่อ 02:29
|