ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 20-10-2009, 15:35
นางมารร้าย นางมารร้าย is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Feb 2009
ข้อความ: 619
ได้ให้อนุโมทนา: 16,587
ได้รับอนุโมทนา 75,110 ครั้ง ใน 1,359 โพสต์
นางมารร้าย is on a distinguished road
Default ศาลพระภูมิ (โดยหลวงปู่ฤๅษีลิงดำ) ๑

ศาลพระภูมิ

สำหรับพระแม้ในป้จจุบัน ก็มีหลายท่านด้วยกันที่โจมตีพระภูมิ หาว่าการตั้งศาลพระภูมิไม่เป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็มีอนุศาสนาจารย์ของกองทัพบกท่านหนึ่ง ท่านเคยออกอากาศเมื่อสมัยที่เป็นร้อยตรี เคยโจมตีพระภูมิเหมือนกัน แล้วต่อมาเห็นคุณค่าของพระภูมิ เวลานี้เลยเป็นหมอตั้งศาลพระภูมิไป อันนี้ ผลอย่างนี้จะปรากฏขึ้นเพียงใด ก็เป็นเรื่องของท่านผู้อ่านหรือท่านผู้ฟังให้ค่อย ๆ พิจารณากันไปเอง

สำหรับพระภูมินี้ อาตมาเองผู้พูด แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ค่อยจะเชื่อเหมือนกัน แล้วก็เป็นเอามาก ๆ ด้วย ทีนี้พระภูมิก็มาประสบเข้ากับตนเอง คือสมัยเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ ปีนั้นไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ในตอนต้นที่อาตมาไปถึง กุฏิของหลวงพ่อปานไม่มีพระอยู่ ก็ไปเรียนถามหลวงพ่อเล็ก อาจารย์ฉัตร ในสมัยนั้นที่เป็นพระอาวุโสและทรงพระกรรมฐานอย่างเลิศ คำว่าเลิศนี่เลิศในคณะ ไม่ใช่เลิศสำหรับคนอื่น ในกลุ่มนั้นท่านเลิศ ถามว่าทำไมไม่อยู่กุฏิของหลวงพ่อปาน นิมนต์ท่านไปอยู่ ท่านบอกว่าท่านไม่รับรอง ท่านไม่ยอม
ไปอยู่ ถ้าหากว่าท่านไปอยู่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นใครจะช่วยเหลือท่าน

เมื่อหาพระไปอยู่ไม่ได้ อาตมาเคยเป็นลูกศิษย์มา ก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นถ้าไม่มีคนอยู่ผมจะอยู่เอง ตอนเย็นก็หอบเสื่อหอบหมอนเข้าไปไม่มีอะไรมาก แบบเจ๊กมาจากเมืองจีน มีหมอนลูก เสื่อผืน มุ้งหลัง

พออีตอนที่จะเข้าไปหลวงพ่อเล็กเห็นเข้าบอกว่า ทำไมไม่บวงสรวงขออนุญาตเสียก่อน ก็เลยบอกว่าสมัยก่อนผมนอน ผมไม่ได้บวงสรวงผมก็นอนได้ มาอีตอนนี้ผมไปนอนอีกจะต้องบวงสรวงก็เห็นจะไม่เป็นเรื่องละ ไม่ยอมบวงสรวง มันจะเป็นไร ก็อยากจะรู้กันสักที วัดนี้เขามีความสำคัญมากแค่ไหน ผมไม่เคยรู้ รู้บ้างก็ไม่หนักนัก เป็นแต่เพียงผีหลอก ถือกันสมัยก่อนก็ไม่เห็นเป็นเรื่องหนัก

หลวงพ่อเล็ก ท่านก็ไม่ว่าอะไร ก็ไอ้คนมันบ้า ๆ บอ ๆ เสียแล้วนี่ จะไปว่าอะไรกันได้ ท่านก็นิ่ง เมื่อท่านนิ่งก็เลยเดินเข้าไป ทำความสะอาดพอสมควร มันก็ไม่สะอาดนัก แหวก ๆ ที่นอนเอา จัดที่นอนภายในห้อง ในกุฏินั้นเป็นกุฏิฝาเฟี้ยมปิดตลอด แต่มีกั้นในอยู่ ๑ ห้อง คือห้องที่หลวงพ่อปานเคยจำวัด

เดินเข้าไปจัดสถานที่เรียบร้อยแล้ว ประมาณ ๒ ทุ่มก็ออกมาบูชาพระที่หน้าพระ ก็อยู่ภายในประตูปิดเหมือนกัน ขณะที่บูชาพระตั้งนะโม ปรากฏว่ากุฏิห้องที่นอนอยู่นั้นแหละ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใคร มีลูกกรงเหล็กเข้าไม่ได้ เสียงประตูเปิดอ๊าด ดังสนั่น แล้วก็มีคนเดินขย่ม ไม้หนามากนะ ความจริงคนเดินยังไม่ค่อยจะยุบตัวเลย คนเดินไม้สะเทือนกุฏิหวั่น แสดงว่ามีน้ำหนักมาก

ขณะนั้นกำลงตั้งใจจะบูชาพระ หลับตาอยู่ เห็นคนนุ่งขาวห่มขาวมือสีแดง มือขวามีสีแดงจัด ยืนอยู่ข้างหน้าก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร ลืมตาขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เทียนจุดสว่างอยู่หลายเล่มก็เห็นเป็นคน หลับตาก็เห็น ก็นึกในใจว่า เอ๊ะ! มันคนอะไรของมัน ไอ้คนตามธรรมดาลืมตาเห็นได้ หลับตาไม่เห็น แต่อีตาคนนี้ลืมตาก็เห็นหลับตาก็เห็น ก็เลยถามว่าแกเป็นใคร

เขาก็รายงานบอกว่า ผมคือภูมิเทวดา หรือพระภูมิรักษาพื้นที่ของวัดนี้ ถามว่ามาทำไม แกก็บอกว่าจะมาเตือนท่าน ท่านเป็นเจ้าอาวาส ทำไมจึงไม่ตั้งศาล ศาลพระภูมิ ก็เลยบอกแกว่า ศาลหน้าวัดข้างศาลาน่ะเยอะแยะ ใครเขาเป็นเจ้าอาวาสคนนั้นเขาก็ตั้งศาลกัน ที่วัดนี้โดยมากเจ้าอาวาสมีชีวิตไม่ยาว หลายองค์มาแล้ว เป็น ๒-๓ ปีก็ตาย ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร หลวงพ่อปานเองท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ตอนหลังท่านรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ๒ ปีก็มรณภาพ

ก็ถามว่า ทำไมไม่อยู่ล่ะ ศาลน่ะเยอะแยะไป เลือกเอาตามใจชอบ แกบอกว่าไม่ได้หรอก ท่านเป็นเจ้าอาวาส ท่านต้องตั้งใหม่ ถามว่าศาลเก่าน่ะอยู่ไม่ได้เรอะ แกก็เลยบอกว่าไอ้เรื่องตั้งศาลนี่ไม่ใช่ให้เป็นที่อยู่นะ ภูมิเทวดาเขามีวิมานเป็นที่อยู่ การตั้งศาลนี่นะ เป็นการแสดงว่ายอมรับนับถือซึ่งกันและกันเท่านั้นนะ หมายความว่าเป็นที่สักการะบูชา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นางมารร้าย : 20-10-2009 เมื่อ 15:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นางมารร้าย ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา