ดูแบบคำตอบเดียว
  #52  
เก่า 25-02-2010, 16:16
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,675 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Lightbulb

คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

ให้รู้ความสำคัญของอานาปานุสติ

เมื่อเอาเรื่องจริต ๖ มาใคร่ครวญ
ก็พบว่ากรรมฐานทุกกองต้องอาศัยกำลังจากอานาปากองเดียว
ที่เป็นรากฐานสำคัญสุด หากรู้ลมเฉย ๆ ก็เป็นแค่สมถะ (เป็นฌานเป็นสมาธิ)

แต่ถ้ารู้ละเอียดลงไปว่า แม้ลมหายใจนี้ก็ไม่เที่ยง

และเป็นเหตุเกี่ยวเนื่องกับความตายก็เป็นวิปัสสนา
โยงไปสู่ความไม่ประมาทในธรรม ไม่ประมาทในชีวิต

หากร่างกายตายแล้ว (หมดลม) จิตควรมีเป้าหมายไปไหน
สิ่งที่จิตของนักปฏิบัติต้องการก็คือ พระนิพพาน

จึงขอสรุปสั้น ๆ ว่า
"รู้ลม รู้ตาย รู้นิพพาน หรือรู้อานาปา รู้มรณา รู้อุปสมานั่นเอง"

ผู้ที่จะรู้ได้ระดับนี้ จะต้องมีสติสัมปชัญญะ
รู้เท่าทันสภาวะของกายและจิตที่ทำงานเป็นสันตติภายนอกและภายในอยู่เป็นปกติ
พิจารณามาถึงจุดนี้ สมเด็จองค์ปฐม ก็ทรงพระเมตตามาตรัสสอนว่า

๑.ให้รู้ความสำคัญของอานาปานุสติ
แต่มิใช่เกาะติดอยู่ในลมหายใจนั้น


คือ รู้ความไม่เที่ยงของลมหายใจ แต่ไม่ให้เกาะติดความไม่เที่ยงนั้น
เท่ากับมีจิตทรงอยู่ในฌานอันเกิดขึ้นได้กับการกำหนดรู้ลมหายใจ
แต่มิใช่หลงใหลใฝ่ฝันในฌาน อันเกิดขึ้นได้กับการกำหนดรู้ลมหายใจนั้น ๆ

เมื่อร่างกายยังอยู่ ก็จำเป็นต้องพึ่งลมหายใจเป็นบันไดให้ก้าวไปสู่พระนิพพาน
ร่างกายพังเมื่อไร ลมหายใจก็หมดความจำเป็นต่อจิตเมื่อนั้น


__________________
เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐
ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง
เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2010 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา