เคยสังเกตเห็นญาติโยมหลายคน ขนาดมาถึงตรงหน้าแล้วยังละล้าละลัง ล้วงปัจจัยออกมาแล้ว ยังยัดกลับคืนไปก็มี หรือไม่ก็ดึงออกมาแล้วเก็บกลับไปครึ่งหนึ่ง เป็นต้น
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้หากเราทำจนชินแล้ว ก็สามารถที่จะสละออกได้ง่าย แปลว่ากำลังในตัวโลภของพวกเรามีน้อยลง ไม่สามารถที่จะต่อต้านอำนาจในการสละออกได้ ถ้าเราสละบ่อย ๆ ตอนแรกสละจากของน้อย เมื่อความเคยชินมีมากขึ้น บารมีเข้มแข็งมากขึ้น ก็สละของที่มากขึ้น มีราคาสูงขึ้นได้ ท้ายสุดที่สำคัญที่สุดก็คือ สละ รัก โลภ โกรธ หลง จากใจของเรานั่นเอง
ถ้าหากว่าเราสามารถให้ได้ในทุกที่ทุกเวลา ให้โดยไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะเอาไปทำอะไร ? หลอกลวงเราหรือไม่ ? ก็แปลว่าเรามีจาคานุสติและทานบารมีที่เต็มแล้ว ประกอบไปด้วยอุเบกขาในทาน อุเบกขาในจาคานุสติ รู้ว่าเขาต้องการเราก็ให้ ส่วนให้แล้วเขาจะเอาไปทำประโยชน์อย่างไรเราไม่ใส่ใจ ทำอย่างนี้ได้ก็แปลว่าตัวโลภไม่มีอำนาจเหนือใจของเราได้ เราก็จะเป็นผู้ชนะกองกิเลสใหญ่ได้อีกกองหนึ่ง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2017 เมื่อ 10:37
|