เอาสตินั้นมาระลึกรู้ว่า เราต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เราจะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล เราจะรักษาสมาธิภาวนาของเราอยู่เฉพาะหน้า สติจะจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกนี้ จะไม่ไหลไปสู่ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ส่งใจไปทั้งในอดีตและอนาคต เราจะอยู่กับปัจจุบันเฉพาะตรงหน้า อยู่กับลมหายใจเข้าออกนี้เท่านั้น
ท้ายสุดมีสติระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ชีวิตนี้ต้องตายลงไปแน่นอน ถ้าตายแล้วขึ้นชื่อว่าการเกิดใหม่มามีความทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก เราต้องการที่เดียวคือพระนิพพาน
ถ้าสติของเราสามารถจดจ่อปักมั่นอยู่แค่นี้ สมาธิย่อมเกิดขึ้น ปัญญาก็จะตามมาว่าในส่วนของ รัก โลภ โกรธ หลง เราไม่ควรที่จะไปแตะต้อง เราควรที่จะเกาะศีล เกาะสมาธิ เกาะปัญญา เกาะพระนิพพาน ปล่อยวางซึ่งร่างกายนี้ เมื่อท่านทั้งหลายทำอย่างนี้ การปฏิบัติของเราจึงจะมีผลก้าวหน้าให้เห็นได้
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๐
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2017 เมื่อ 02:02
|