ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 21-01-2014, 19:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,668 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๗

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราถนัดมาแต่เดิม เรื่องของคำภาวนาอย่าไปเปลี่ยนบ่อย เพราะถ้าเปลี่ยนเมื่อไร กว่าที่สภาพจิตจะคุ้นเคย ก็ต้องเสียเวลาไปนาน

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ก็อย่างที่ทุกท่านได้เห็นว่า อาตมาเองนั้นมีโรคภัยไข้เจ็บกำเริบเป็นปกติ ดังนั้น..เมื่อท่านทั้งหลายภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้ว ไม่สามารถที่จะภาวนาต่อได้ กำลังใจจะคลายออกมาโดยอัตโนมัติ ก็ต้องหาเรื่องที่เกี่ยวกับวิปัสสนาญาณให้พิจารณา ไม่อย่างนั้นสภาพจิตจะเอากำลังจากการภาวนาของเรา ไปฟุ้งซ่านด้านรัก โลภ โกรธ หลงแทน และจะทำให้กิเลสกำเริบไปใหญ่โต จนผู้คนจำนวนหนึ่งถึงกับพูดว่า ยิ่งปฏิบัติธรรม กิเลสยิ่งมาก

ความจริงกิเลสมีเท่าเดิม เพียงแต่แข็งแรงขึ้น เพราะว่าเราไปภาวนาสร้างกำลังไว้ แต่ไม่ได้นำกำลังนั้นไปพิจารณาร่างกาย ไม่ได้ดูให้เห็นความเป็นจริงของโลก กิเลสก็จะฉวยเอากำลังนี้ไปฟุ้งซ่านแทน ทำให้รู้สึกว่ารัก โลภ โกรธ หลง แรงกว่าปกติ ที่แท้ก็แรงเพราะเอากำลังที่เราภาวนาได้ไปใช้งาน

เมื่อเราพิจารณาร่างกาย อย่างที่เมื่อวานกล่าวไว้ว่า ให้พิจารณาในลักษณะของ ภยตูปัฏฐานญาณคือเห็นว่าเป็นโทษเป็นภัย ร่างกายเหมือนอย่างกับเสือที่เราเลี้ยงไว้ พอมีกำลังขึ้นมาเสือตัวนั้นจะขบกัดเจ้าของทุกที มีแต่ความทุกข์เข้ามาอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวหิวต้องหาให้กิน เดี๋ยวกระหายต้องหาให้ดื่ม ถึงเวลาร้อนต้องหาเครื่องเย็นให้ ต้องอาบน้ำให้ ถึงเวลาหนาวต้องหาเสื้อผ้าความอบอุ่นให้ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็ต้องรักษาพยาบาล ทั้ง ๆ ที่เราดูแลเป็นอย่างดี แต่สภาพร่างกายก็ทรยศขบถต่อเราอยู่ทุกวันเช่นกัน

เมื่อพิจารณาเห็นจริงว่า ร่างกายนี้เป็นโทษเป็นภัย มีแต่ความเจ็บไข้เป็นปกติ มีความหิว ความกระหาย ความร้อน ความหนาว เป็นปกติ จิตของเราก็จะเกิดอาการเบื่อหน่าย กลายเป็นอาทีนวานุปัสสนาญาณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2014 เมื่อ 16:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา