ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 23-01-2014, 17:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,640 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อก้าวเข้ามาถึงตรงจุดนี้ พอพิจารณาต่อไป ความเบื่อก็จะเกิดขึ้นมากขึ้น ๆ กลายเป็นนิพพิทาญาณ ช่วงนี้ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะถ้ากำลังสมาธิและปัญญาดี จะเกิดความเบื่อหน่ายชนิดที่หลายต่อหลายคนอยากจะตายให้พ้นจากโลกนี้ไปเลย อย่างในพระไตรปิฎกมีพระภิกษุที่ไปจ้างปริพาชกให้ฆ่าตัวเอง

แต่ถ้าเราพิจารณาให้เห็นว่า การที่เราดำรงชีวิตอยู่ ปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นในชาตินี้ ถ้าเปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วนแล้ว เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ นิดเดียวเท่านั้น ทำไมเราจะทนอยู่กับร่างกายนี้ไม่ได้ กำลังสมาธิก็จะก้าวข้ามตัวนิพพิทา คือความเบื่อหน่าย กลายเป็นสังขารุเปกขาญาณ คือปล่อยวาง เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา ร่างกายนี้มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มีความแก่ชราเป็นธรรมดา มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา มีความเสื่อมความตายเป็นธรรมดา

ความจริงในระหว่างนั้น ตัวญาณต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นต่อเนื่อง และจะเกิดขึ้นเร็วมาก อย่างเช่นจะเกิดมุญจิตุกัมมยตาญาณ พิจารณาใคร่จะหนีไปจากร่างกายนี้เสีย แล้วหลังจากนั้นจะเกิดเป็นปฏิสังขานุปัสสนาญาณ หาทางที่จะหลีกหนีไปจากร่างกาย

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้นเร็วมาก บางทีต่อเนื่องเหมือนกับพริบตาเดียว ท่านที่จิตไม่ละเอียดจะแยกแยะไม่ออก ว่าขณะนี้อยู่ในวิปัสสนาญาณแบบไหน แต่ว่าท้ายสุดถ้าพิจารณาอนุโลมปฏิโลม สภาพจิตที่ทรงตัวก็จะปล่อยวางสภาพร่างกายนี้ หิวขึ้นมา..มีหน้าที่หาให้กินก็หาไป กระหายขึ้นมา..มีหน้าที่หาให้ดื่มก็หาไป เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา..มีหน้าที่รักษาพยาบาลก็รักษาไป สภาพจิตไม่ได้ห่วงใยในร่างกายนี้แล้ว ก็ให้ตั้งเป้าว่า ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราขอไปพระนิพพานที่เดียว แล้วก็เอาใจจดจ่อที่พระนิพพานไว้เป็นที่สุดท้าย

ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็กำหนดดูลมหายใจเข้าออก ถ้ามีคำภาวนาอยู่ก็กำหนดดู กำหนดรู้คำภาวนา ถ้าไม่มีลมหายใจหรือคำภาวนา ก็ให้กำหนดใจรู้อาการอย่างนั้นไว้ อย่าไปหวาดกลัวว่าตอนนี้เราไม่หายใจ และอย่าไปกลัวว่าเราจะตาย เพราะในความเป็นจริงเรายังหายใจอยู่ แต่ลมหายใจละเอียดมากจนสติที่หยาบจับไม่ติด เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว เมื่อเรากำหนดดูกำหนดรู้ไว้เฉย ๆ สภาพจิตจะก้าวลึกเป็นสมาธิขั้นสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนท้ายสุดสามารถทรงฌาน ๔ เต็มระดับได้

ลำดับต่อจากนี้ไป ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2014 เมื่อ 18:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา