วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ฝนเริ่มตกตั้งแต่ออกบิณฑบาต พระของเราแต่ละรูปก็อยู่ในอาการที่ว่า "เหมือนลูกหมาตกน้ำ" พอดีทางด้านเจ้าหน้าที่ชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ให้ช่างมาถ่ายวิดีโอเพื่อนำเสนอข้อมูลชุมชนกับทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ก็เป็นอันว่าเสียเปล่า เพราะว่าไม่สามารถที่จะถ่ายทำได้อย่างที่ต้องการ
คราวนี้พระใหม่ของเราบางทีก็อาจจะไม่เข้าใจ ว่าทำไมฝนตกถึงไม่หยุดบิณฑบาต ? ก็ต้องบอกกันง่าย ๆ แค่ว่า ถ้าตราบใดที่ยังต้องกิน ก็ยังต้องบิณฑบาต ถ้าเป็นสำนวนทหารตามที่กระผม/อาตมภาพได้รับการฝึกฝนมาก็คือ ทหารไม่ใช่ดินเหนียว แล้วก็ไม่ใช่เทียนขี้ผึ้ง โดนแดดโดนฝนจะได้ละลาย
ถ้าถามว่าเกี่ยวอะไรกับทหารด้วย ? ก็เพราะว่าพระภิกษุสามเณรคือทหารในกองทัพธรรมของพระพุทธเจ้า ถ้าความลำบากแค่นี้ทนไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะอยู่ในกองทัพธรรมแห่งนี้
บางท่านก็อาจจะคิดว่าทำไมไม่กางร่มเวลาบิณฑบาต ? ร่มช่วยได้เหมือนกันเฉพาะเวลาฝนตกไม่แรงมาก แต่ถ้าฝนตกแรงมากอย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเจอมา กางร่มอยู่ยังตกทะลุร่มเฉยเลย ก็คือความแรงของเม็ดฝน ทำให้ร่มไม่สามารถที่จะต้านเอาไว้ได้ทั้งหมด
โดยเฉพาะการกางร่ม พระพุทธเจ้าอนุญาตเฉพาะในอารามคือภายในวัด หรืออุปจารแห่งอาราม ก็คือพื้นที่ของวัด กางเพื่ออะไร ? ท่านใช้คำว่า "เพื่อป้องกันอาพาธอันอาจจะกำเริบ" คือป้องกันการป่วยไข้กำเริบขึ้น แปลว่าเราต้องป่วยอยู่แล้ว ไม่ได้ว่าป้องกันไม่ให้เป็นไข้ แต่ป้องกันไข้ไม่ให้กำเริบ
ส่วนใครเขาจะกางร่มหรือไม่กางร่ม พวกเราไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ให้รู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าอนุญาตคืออย่างนี้ ส่วนใครเขาจะใจกล้าหน้าด้านแหกคอกอย่างไรเป็นเรื่องของเขา อย่าไปสนใจตรงนี้ สนใจแค่ว่าเราทำผิดหรือว่าทำถูก ถ้าทำถูกแล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าหากว่าทำผิดก็รีบแก้ไขให้ถูกต้อง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2022 เมื่อ 03:31
|