ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 08-08-2009, 15:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,634
ได้ให้อนุโมทนา: 151,878
ได้รับอนุโมทนา 4,415,132 ครั้ง ใน 34,224 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายรู้จักพิจารณา เห็นธรรมดาว่าเกิดมาแล้วก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ และมีความตายเป็นที่สุดแห่งปกติเหมือนกัน ถ้าเห็นดังนั้นญาติโยมทั้งหลายก็จะมีใจที่สงบ ไม่แตกตื่น ไม่ตื่นกลัว ระมัดระวังป้องกันตามหน้าที่ของเราสุดความสามารถ ถ้าหากระมัดระวังแล้วยังเจ็บป่วยอยู่ ก็ถือว่าเป็นกฎของกรรม ถึงแม้จะเป็นกฎของกรรม ก็อย่าทิ้งไว้เฉย ๆ เราก็ต้องรีบเร่งไปหาหมอ เป็นหน้าที่ของหมอที่ต้องดูแลรักษาเรา ถ้ากรรมเก่าไม่ได้หนักมากนัก ก็จะรักษาหายได้ง่าย ถ้ากรรมเก่ามีมาก อาจจะถึงแก่ชีวิตไปเลย

ดังนั้น..ในเมื่อเราเห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ โลกนี้มีแต่ความทุกข์ยากเร่าร้อน เราไม่มีความปรารถนาที่จะเกิดมามีร่างกายนี้อีก เราไม่มีความปรารถนาที่จะเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้อีก ถ้าเช่นนั้นเราควรที่จะไปที่ไหน คำตอบก็จะได้ว่าเราควรจะไปพระนิพพาน เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

การจะไปนิพพานนั้นไปอย่างไร ? เราก็ต้องเป็นผู้ที่มีความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เคารพในพระธรรมจริง ๆ เคารพในพระสงฆ์จริง ๆ ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ข้อต่อไปก็คือต้องเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นทำการละเมิดในศีล ท้ายที่สุดต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ธรรมดาของร่างกายนี้เป็นอย่างนั้น มันก้าวไปหาความตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก หายใจออก....ไม่หายใจเข้ามันก็ตาย หายใจเข้า....ไม่หายใจออกมันก็ตาย ความตายมีอยู่กับเราเป็นธรรมดา ในเมื่อมันจะตาย มันจะพังก็ช่างเถิด เราดูแลมันอย่างดีที่สุดแล้ว ถ้ารักษาไว้ไม่ได้เราก็ส่งร่างกายคืนโลกนี้ไป เพราะว่าร่างกายนี้เป็นสมบัติของโลกไม่ใช่สมบัติของเรา เรามาอาศัยอยู่ตามบุญตามกรรมที่สร้างไว้ชั่วคราวเท่านั้น เราเอาจิตใจของเราเกาะพระนิพพานไว้ดีกว่า

เมื่อเป็นดังนี้เราก็กำหนดใจให้นึกถึงภาพพระ ให้สว่างไสวชัดเจนอยู่บนศีรษะของเรา หายใจเข้าให้ภาพพระเลื่อนตามลมหายใจเข้าไปในร่างกาย หายใจออกให้ภาพพระเลื่อนตามลมหายใจออกมา หายใจเข้าให้ภาพพระใหญ่ขึ้นสว่างขึ้น หายใจออกให้ภาพพระใหญ่ขึ้นสว่างขึ้นก็ได้ หรือหายใจเข้าให้ภาพพระเล็กลง หายใจออกให้ภาพพระใหญ่ขึ้นก็ได้ อยู่ที่ว่าเราชอบที่จะกระทำแบบไหน จากนั้นให้กำหนดความรู้สึกว่า พระพุทธเจ้านั้นพระองค์ท่านไม่ได้อยู่ที่ใดเลยนอกจากพระนิพพาน เมื่อเราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เมื่อเราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน

เมื่อเป็นดังนี้แล้วก็เอาจิตจดจ่ออยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่กับความสว่างไสว สะอาด สงบ เยือกเย็นนั้น อยู่กับพระนิพพานตรงหน้าของเรานั้น ถ้าหากยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ กำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ลมหายใจออกตามสภาพของมัน ถ้ายังภาวนาอยู่ก็ให้กำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าหากว่าไม่มีคำภาวนาหรือว่าไม่มีลมหายใจก็ให้กำหนดรู้ว่ามันไม่มีคำภาวนา มันไม่มีลมหายใจ กำหนดตามดูตามรู้อยู่อย่างนี้ โดยตั้งใจว่าถ้ามันต้องตายลงไปตอนนี้ เราขอมาอยู่ที่นี่ที่เดียวคือพระนิพพาน เอาใจจดจ่อแน่วแน่ไว้อย่างนี้ จนกว่าจะหมดเวลาและได้ยินสัญญาณบอกว่าให้เลิกได้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กท้ายแถว : 08-08-2009 เมื่อ 18:10
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา