ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 06-08-2010, 04:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องจากว่ากำลังของพระโสดาบันและพระสกทาคามีนั้น ในเบื้องต้นก็คือ มีสมาธิเล็กน้อย มีปัญญาเล็กน้อย แต่ว่ามีศีลบริสุทธิ์

ดังนั้น..จึงให้พวกเราทุกคนทบทวนเรื่องของศีลไว้เสมอ ว่าเราเผลอสติบกพร่องบ้างหรือไม่ ? เราเผลอสติลืมตัวลืมตายบ้างหรือไม่ ? ท้ายที่สุดเรายังเห็นร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเราใช่หรือไม่ ?

ถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ยังมีอยู่เป็นปกติ ก็พยายามขับไล่ออกไปจากใจของเรา อย่าพยายามให้มาอยู่ในใจของเราอีก ถ้าสามารถทำได้ดังนั้น โอกาสที่เราจะก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าก็อยู่แค่เอื้อมมือถึง

สำหรับในส่วนของพระสกทาคามีนั้น เป็นเรื่องที่ยากกว่านิดหนึ่ง เนื่องจากว่าเป็นเรื่องควบคุมวาจาและใจอยู่ด้วย ปกติของพระโสดาบันในศีลห้านั้น เราแค่ไม่พูดจาโกหกมดเท็จก็ใช้ได้แล้ว

แต่ในส่วนของพระสกทาคามีนั้น นอกจากจะไม่โกหกแล้ว เรายังไม่พูดจาส่อเสียด ไม่พูดจายุยงให้คนอื่นแตกร้าวกัน ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดวาจาที่เหลวไหลไร้ประโยชน์ เป็นต้น

ดังนั้น ในส่วนของพระสกทาคามีนั้น กำลังจะต้องสูงกว่า เพื่อที่จะได้ระงับยับยั้งกิเลสต่าง ๆ โดยเฉพาะสังโยชน์ที่วิ่งเข้ามาหาเรา จะไดระงับได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่า แม้ว่าในระดับของพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันและพระสกิทาคามีก็ตาม ความสำคัญของสมาธิก็ยังร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มอยู่ เราสามารถสร้างสมาธิให้ยิ่งสูงเท่าไร โอกาสที่จะใช้กำลังในการตัดสังโยชน์ต่าง ๆ ก็มีมากเท่านั้น

เปรียบเหมือนบุคคลที่มีกำลังสูง สามารถทำงานอื่น ๆ ได้ไม่ยาก เพราะว่ากำลังเพียงพอ การที่จะเอากำลังใจนั้นมาตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน

ดังนั้น ในสังโยชน์ ๑๐ วันนี้จะกล่าวแค่สามข้อแรกเท่านั้น คือ สักกายทิฐิ ความยึดมั่นตัวเราว่าเราเป็นของเรา ซึ่งท่านต้องพยายามตัด พยายามละเสียให้ได้ ด้วยการพิจารณาให้เห็นว่าไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราเลย

ในส่วนของข้อที่สอง คือ วิจิกิจฉาซึ่งเรามีอยู่น้อยมากแล้วนั้น ก็พยายามทำความเคารพในพระรัตนตรัยให้แน่นแฟ้น ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ

ข้อสุดท้ายเป็นหัวใจของการเป็นพระอริยเจ้าขั้นต้นก็คือ สีลัพพตปรามาส เราละเว้นจากการรักษาศีลไม่จริงไม่จัง มารักษาศีลด้วยความทุ่มเท ตั้งใจว่าถ้าหากจะต้องละเมิดศีลแล้วเรายอมตายเสียดีกว่า ถ้าสามารถตัดใจประพฤติอย่างนี้ได้ เราก็มีสิทธิ์ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบันทันที

ลำดับต่อจากนี้ไป ก็ให้ทุกท่านดูลมหายใจเข้าออก พร้อมกับคำภาวนาของตนเอง ถ้ายังมีลมหายใจให้กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาให้กำหนดรู้ในคำภาวนา ถ้าลมหายใจเบาลง คำภาวนาค่อย ๆ หายไป ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง คำภาวนาหายไป พยายามรักษากำลังใจให้ทรงตัวอย่างนี้ไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 06:15
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา