ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 26-09-2015, 20:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,090 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าอาตมาไข้จับจนหมดสภาพ ก็เลยไปนึกถึงเมื่อวานที่พวกเราบริจาคโลหิต จะได้รู้ว่ายังกลัวตายอยู่หรือเปล่า ?

นักปฏิบัติธรรมที่แท้จริงไม่กลัวตาย แต่ก็ไม่ได้แสวงหาความตาย เหตุที่ไม่กลัวตายเพราะมีสติรู้อยู่ว่าความตายเป็นของธรรมดา แค่เปลี่ยนรูปเปลี่ยนขันธ์ไปตามบุญตามกรรมที่ตนเองสร้างเอาไว้เท่านั้น ก็เลยไม่มีอะไรน่ากลัว คราวนี้ในส่วนของความเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าอาการหนัก ๆ ก็อาจจะถึงแก่ความตายได้ ดังนั้น..ความกลัวทุกอย่างมีพื้นฐานมาจากความกลัวตายทั้งนั้น

เวลาอาตมาป่วยมักจะเป็นเวลาที่ได้อะไรมาก คำว่าได้อะไรมากคือต้องตั้งสติระมัดระวัง ประคองร่างกายไม่ให้ล้ม ต้องใช้สติมากกว่าปกติ จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่ปฏิบัติมานั้นพอใช้งานหรือเปล่า ?

พระพุทธเจ้าตรัสว่า การกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจ ถ้าไม่ใช่บุคคลผู้เห็นภัยในวัฏสงสารจะไม่มีวันเบื่อหน่ายอย่างเด็ดขาด ไม่เชื่อวันนี้ลองกินจนจุกแล้วพรุ่งนี้ไม่กินดูสิ วันนี้อิ่มเหลือเกิน ไม่อยากกินอีกแล้ว ดูว่าพรุ่งนี้จะกินไหม ? วันนี้เบื่อเหลือเกินจับฉ่ายวัดท่าขนุน พอเจอหมูกระทะนี่โดดใส่เลย สรุปแล้วว่าเบื่อไม่จริง เบื่อเป็นอย่าง ๆ เท่านั้น

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเราต้องหวังผล ผลในที่นี้คือมรรคผล ตลอดจนกระทั่งพระนิพพาน ฉะนั้น..จึงไม่ใช่ของทำเล่น ๆ ถ้าใครคิดว่าจะลองปฏิบัติดูสักหน่อย อย่าเสียเวลาลองเลย ถ้าจะทำก็ทำจริง ๆ ไปเลย ถ้าถามว่าทำมาตั้งหลายสิบแล้วไม่เห็นได้เรื่องสักที ? อ๋อ...นั่นเราไม่ได้เรื่องเอง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2015 เมื่อ 01:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา