ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖
(ผู้ปฏิบัติธรรมยังเข้าศาลามากันไม่ครบ) แล้วที่เหลือจะรอดไหมจ๊ะ ? ก็คือถ้ากรอบเวลาแค่นี้เราไม่สามารถที่จะปรับให้เข้ากันได้ อย่างอื่นก็ยากกว่านี้อีกเยอะ นักปฏิบัติธรรมที่ดี ส่วนสำคัญคือความตรงต่อเวลา แสดงออกซึ่งสัจบารมีในใจของเราเอง
ดังนั้น..นักปฏิบัติธรรมที่ดีทุกอย่างมีแต่ก่อนเวลาไม่มีหลัง เพราะต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ก่อนตายขอสร้างความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้าหลุดพ้นได้เลยก็ยิ่งดี ถ้าหลุดพ้นไปไม่ได้ ขอให้หนทางการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารของเรา เหลือให้สั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้
ดังนั้น..นักปฏิบัติธรรมที่ดีทุกวินาทีจึงมีค่าอย่างยิ่ง เป็นการช่วงชิงกันระหว่างกุศลและอกุศล ใจของเราเหมือนเก้าอี้ที่นั่งได้แค่คนเดียว ถ้ากุศลเข้าไปนั่งไว้ อกุศลก็มาไม่ได้ แต่ถ้าอกุศลเข้าไปนั่งเมื่อไร ก็ไล่ออกยากมาก..! จึงต้องชิงเวลาทุกวินาที ที่จะนำเอากุศลเข้ามาใส่ใจของเรา
ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมพอถึงระยะท้าย ๆ ก็เป็นการชิงกันระหว่างตัวเรากับกิเลส ว่าแต้มนี้ใครจะได้ สนุกสนานอย่างชนิดที่มีหนังมีละครอะไรมาอยู่ตรงหน้าก็ไม่สนใจแล้ว
หลวงตามหาบัวเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนท่านปฏิบัติธรรม พอช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ปัญญากับกิเลสกำลังฟัดกันหมุนติ้ว ๆ อยู่ในอก ขาก็เดินจงกรมตามปกติ เสียงดังโครม..! สุดทางเดินจงกรมตอนไหนก็ไม่รู้ เดินเลยไปชนต้นไม้ คลายกำลังใจออกมาหน่อยหนึ่ง หันหลังกลับเข้าทางจงกรมเดินต่อ ข้างในก็รบกันต่อ อีกสักพักก็โครม..! อีกแล้ว
คือต้องสนใจข้างในมากกว่าข้างนอก โดยปกติแล้วทั่ว ๆ ไปก็นั่ง แต่ด้วยความที่ท่านอยากจะปฏิบัติให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ท่านก็เลยเดิน คราวนี้เดินพอสภาพจิตดำเนินอยู่ภายใน สู้รบกับกิเลสอย่างชนิดตายกันไปข้างหนึ่ง จึงไม่ได้สนใจภายนอก ท่านก็เดินชนต้นไม้ไปเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2023 เมื่อ 17:16
|