ลูกเอ๋ย ดูท่านทำ นึกไม่ทันขาดคำความหมายที่อธิษฐาน ฟ้าก็พลันผ่า ...ย้ำว่าผ่า แล้วแลบยาวต่อกันเป็นสายฟ้าเขียวปั้ดไปตลอดทั้งสามยอดนั้น โอยเวรกรรม ผู้คนก็พลันยกมือไหว้เทิดศีรษะ ส่วนหลวงตา...ไม่กล้าคิดต่อ ไม่กล้าคิดเด็ดขาด เพราะฝนก็พลันตกหนัก ตกชนิดจะพาหลวงตาตกนรกได้ถ้าหลงตัวเองไปตามเขา คือฝนตกออกหน้า ตกนำหน้ารถที่หลวงตานั่งไปสักครึ่งกิโลเมตรข้างหน้าโน้น เห็นรถบรรทุกดินวิ่งขึ้นถนนจากซอยข้างทาง...ฝุ่นลูกรังคลุ้งแดงนำหน้าฝนไป...เออ นำไป...ภายในรถก็โมทนาสาธุการออกทางปากด้วยว่า
..(ออกชื่อจังหวัด)..ฝนไม่ตกมาเดือนกว่าแล้ว แห้งแล้งหนักหนา พอเจ้าพระคุณหลวงตามาเหยียบแผ่นดิน(ออกชื่อจังหวัด).. ฝนก็ตกด้วยบุญพระอรหันต์ (ขอโทษที่ต้องเขียนคำนี้) เป็นวาสนาของพวกเราแท้หนอ...(หนอ...หนอ.. ๆ)
ลูกหลานเอย เสียงนั้นส่วนหนึ่งมันก้องกังวานเข้าไปหวานชื่นอยู่ในใจหลวงตา อีกส่วนหนึ่งของสติก็เตือนว่า ...เราย่อมรู้เรื่องนิมิตที่เห็นด้วยตา เรื่องคำของคนที่เขาชม เขาด่า มันเป็นของไม่จริงจังอะไรหรอกลูกเอ๋ย อย่าเอาตรงนี้มาเป็นแก่นสารของการปฏิบัติธรรม ไปถามหลวงพี่นันต์หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว ท่านก็ยิ้มแบบเข้าใจเรา
เอ้อ...เอ้อ.. ระวัง ระวัง อย่าเชื่อใคร.. ให้เชื่อใจเราเองตอนมีสติปัญญา เอ้อ.. ดี ดี
ไม่กล้าถามหลวงพ่อ
ไม่กล้าแม้แต่คิดจะถาม
เทวดามีจริง แล้วก็มีอานุภาพจริงนะลูก... แต่สิ่งที่ท่านทำได้จริงนั้นอาจจะไม่จริงก็ได้ ...แกล้งลองใจคนเสียก็ได้...
|