ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 24-08-2012, 12:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,171 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คาถาอีกบทหนึ่งนั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเรียนมาจากหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ท่านบอกว่าเอาไว้สำหรับคนที่กำลังกลัดกลุ้ม มีแต่ความทุกข์ มีแต่ความเศร้าในชีวิต ท่านบอกว่าให้ภาวนาคาถานี้ แล้วจะทำให้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงและหายไปจากชีวิตของเรา

ตัวคาถาว่า “ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน โหตุ สัพพะทา” คาถาค่อนข้างจะยาว แต่ถ้าใครเคยสวดมนต์ทำวัตรเป็นประจำ จะรู้ว่าบทนี้แหละที่เวลาเจริญพุทธมนต์ พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นบทส่งเทวดากลับ เพียงแต่ต่อท้ายด้วย โหตุ สัพพะทา เท่านั้น ท่านให้ภาวนาไปเรื่อย ความทุกข์ ความเศร้าหมองต่าง ๆ จะค่อยหมดไปจากใจของเราเอง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ของเรา ท่านทำแล้วเกิดผล จึงนำมาสั่งสอนต่อ ๆ กันมา ถ้าเรามีความเชื่อ มีความเลื่อมใส เป็นคนมีสัจจะ ทำอะไรทำจริงจังและสม่ำเสมอ ก็สามารถที่จะทำแล้วเกิดผลได้ง่าย ความจริงคาถานั้น มาจากภาษาบาลีว่า กถา แปลว่า วาจาเป็นเครื่องกล่าว ซึ่งหมายความว่า คำพูดทุกคำก็คือคาถานั้นเอง

แต่คาถาที่เราคุ้นเคยกันนั้น คือถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อท่องบ่นภาวนาแล้วจะเกิดผลตามที่ครูบาอาจารย์กำหนดเป็นอุปเท่ห์ต่าง ๆ เอาไว้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเรามีความสงสัยก็ควรจะพิสูจน์ด้วยการทดลองทุ่มเททำดู เพราะว่าคาถาต่าง ๆ เป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิเป็นเครื่องรองรับ คาถาก็ไม่เกิดผลอยู่แล้ว

ดังนั้น..การที่เราเล่นคาถาต่าง ๆ จึงเป็นการภาวนาโดยตรงนั่นเอง เพียงแต่ว่าแทนที่จะใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” ว่า “นะมะพะทะ” ว่า “พองหนอ ยุบหนอ” ว่า “สัมมาอะระหัง” ก็กลายเป็นใช้บทคาถาต่าง ๆ เป็นคำภาวนาแทนเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา