หลวงตา :เอาอย่างนั้นหรือ..? ไม่มีปัญหา เอาเรื่องจริงนะ ตอนพรรษาแรกหลวงพ่อให้สอนมโนมยิทธิ เป็นองค์หนึ่งที่หลวงพี่อาจินต์ท่านคัดแล้วก็เสนอหลวงพ่อ ก็ได้สอน ไอ้หนูเอ๊ย...มีอยู่วันหนึ่ง หลวงตาสอนอยู่ห้องกระจกเบอร์ ๖ นั่งสมาทานกรรมฐาน ทีนี้พระหรือคนที่จะเข้าไปเรียนต้องไปนั่งรอในห้อง เราก็เห็นจากห้องสมาทานหน้าพระประธานในวิหาร ก็มีพระอยู่องค์หนึ่ง นั่งเหลียวซ้ายมองขวา ชะเง้อไปชะเง้อมา ไอ้เราก็คิด “ไอ้ห่...นี่ไม่สำรวมเลย เดี๋ยวกูจะเข้าไปอัดให้...!” จะไปทำร้ายเขานะสิ
พอเข้าไปปั๊บก็สอนนำวิปัสสนาญาณ ท่านก็น้ำตาไหลเลยนะ เอ...ก็เข้าใจดี เสร็จแล้วก็บอกว่า “ตั้งใจนะ นึกถึงครูบาอาจารย์ที่เราเคารพได้ไหม ?” ท่านบอก “ไม่ได้ครับ” อ้าว..ฉิบห...แล้ว ทำอย่างไรวะ ? “นึกถึงโบสถ์ที่เราบวชมาได้ไหม ?” ท่านบอกว่า “ไม่ได้ครับ” “อ้าว...แล้ววันที่คุณบวชนึกถึงพระอุปัชฌาย์ได้ไหม ?” “ไม่ได้ครับ” “เฮ้ย..อย่างนี้มึงลืมตาเลย”
“มึงมาทำไม ? มาแซวอะไรกันขนาดนี้” โอ้โห...ท่านร้องไห้เลยนะ ท่านกราบบอกว่า “อาจารย์ครับ อย่าว่าผมเลย ผมไม่ได้กราบเรียนว่าผมบวชได้ ๒ พรรษา ผมก็เรียนตามที่หลวงพ่อสอน ทำกสิณ ทำอะไรไปแล้วก็ออกธุดงค์ไป ปีนี้เป็นปีที่ ๑๐ ตั้งแต่ปีที่ ๒ มา ประกายพรึกจับชีวิตผมเลย มองต้นไม้ก็เป็นประกายพรึก มองภูเขาก็เป็นทั้งลูกเลย ผมคลายอารมณ์ไม่ได้ ทำอย่างไรผมถึงจะเพิกอารมณ์อย่างนั้น แล้วอธิษฐานเป็นทิพจักขุญาณหรือต่อมโนมยิทธิได้” เราฟังแล้วบอก “หลวงพ่อครับ...ผมฉิบห...แล้ว ! ผมเจอเสือร้ายเข้าแล้ว” ไม่สามารถจะตอบได้เด็ดขาด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย
“หลวงพ่อครับ ผมเป็นครูประจำห้องที่หลวงพ่อแต่งตั้ง ถ้าหลวงพ่อไม่จับปากผมพูด ก็ฉิบห...ละวันนี้ เสียชื่อวัดท่าซุงด้วย หลวงพ่อเมตตาด้วยเถิดครับ” หลวงพ่อท่านก็เสียบปลั๊กเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2016 เมื่อ 18:45
|