ข้อที่สองท่านให้ศึกษาใน อธิจิตสิกขา คือการทำจิตของเราให้มั่นคงหนักแน่น ไม่หวั่นไหวต่อกิเลสต่าง ๆ ที่มารบกวน ก็คือเราต้องกระทำสมาธิ อย่างน้อย ๆ ต้องเป็นอัปปนาสมาธิขั้นต้น คือปฐมฌานขึ้นไป
ถ้าหากว่าสามารถทรงปฐมฌานได้ กำลังใจของเราก็จะหนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปตาม รัก โลภ โกรธ หลง ที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากกำลังของปฐมฌานนั้นยังอ่อนอยู่ บุคคลผู้ที่ไม่ประมาท เมื่อปฏิบัติได้แล้ว ก็พยายามที่จะก้าวต่อไปเป็นฌานที่ ๒ ฌานที่ ๓ ฌานที่ ๔
หรือถ้าท่านที่มีวิสัยมามากกว่านั้น ก็กระทำเป็นสมาบัติ ๘ คือมีอรูปฌานที่ ๑ อรูปฌานที่ ๒ อรูปฌานที่ ๓ อรูปฌานที่ ๔ เพิ่มขึ้นมา คราวนี้อธิจิตสิกขาของเรานี้ ศึกษาเพื่ออะไร ? ก็เพื่อให้สติ สมาธิ ปัญญาของเรามั่นคง แหลมคมว่องไว สนับสนุนให้เรารักษาศีลได้สมบูรณ์บริบูรณ์ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ปัญญาของเราแก่กล้าพอที่จะตัดกิเลสได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2019 เมื่อ 14:06
|