ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 21-09-2010, 13:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,621 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อมาถึงตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าเราปล่อยให้อาการของปีติขึ้นจนเต็มที่ ก็จะก้าวล่วงข้ามไป กลายเป็นความสุขเยือกเย็นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนบังเกิดขึ้น เพราะว่าตอนนี้จิตแนบแน่นจวนจะเป็นฌานแล้ว มีกำลังสูง สามารถกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงชั่วคราวได้

กำลังของความรัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นไฟใหญ่ ๔ กองซึ่งเผาเราอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ โดนกำลังสมาธิกดดับลงไป ความสุขที่ปรากฏจึงอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ คนที่ถูกไฟเผาอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาแล้วไฟดับไป ย่อมบอกไม่ถูกว่าสบายแบบไหน

หลังจากนั้น จิตก็จะก้าวล่วงไปสู่ความเป็นหนึ่งของอารมณ์ แต่เนื่องจากว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้บางทีปรากฏต่อเนื่องเร็วมาก จนทำให้เรารู้สึกว่าอารมณ์ทั้ง ๕ อย่างปรากฏขึ้นพร้อม ๆ กัน คือ นึกคิดตรึกอยู่ว่าจะภาวนา รู้อยู่ว่าตอนนี้ภาวนาอย่างไร ลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น เข้าหรือออก มีอาการปีติอย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏขึ้น มีความสุขเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก และท้ายสุดอารมณ์ทรงตัวตั้งมั่นอยู่อย่างนั้น

ถ้าท่านทั้งหลายมาถึงตรงจุดนี้ ให้ทราบว่าขณะนี้ท่านเข้าถึงปฐมฌานแล้ว นั่นคือฌานที่ ๑ ทำให้เรามีกำลังตัดกิเลสระดับโสดาบันและสกิทาคามีได้

ลำดับต่อไปเป็นทุติยฌาน คือ ฌานที่ ๒ ผู้ที่ก้าวขึ้นมาถึงฌานที่ ๒ นี้ ตัววิตก วิจารณ์ จะหายไป ไม่ต้องเสียเวลาไปตัด ไม่ต้องเสียเวลาไปละ จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ เหลือแต่ ปีติ สุข และเอกัคตารมณ์

ถ้าหากว่าจะจับจากอาการภายนอก คือลมหายใจแผ่วเบาลง ถ้าคนที่จิตหยาบหน่อยก็จะไม่มีลมหายใจเลย คำภาวนาก็อาจจะขาดหายไปด้วย หูก็จะไม่ได้ยินเสียงภายนอก หรือว่าถึงได้ยินก็ไม่ให้ความใส่ใจไม่ให้ความสนใจ ไม่ไปปรุงแต่งให้เป็น รัก โลภ โกรธ หลง

ถ้าท่านมาถึงตรงจุดนี้ ให้รู้ว่าขณะนี้ท่านเข้าถึงฌานที่ ๒ แล้ว เราไม่สามารถจะบังคับให้เป็นได้ ไม่สามารถที่จะตัดจะละสิ่งใดเพื่อเข้ามาถึงตรงนี้ได้ นอกจากตามดูตามรู้ กำหนดภาวนาไปจนกว่าจะเป็นเอง ยกเว้นว่าเรามีความคล่องตัวมาก สามารถที่จะเข้าฌานไหนในเวลาใดก็ได้ ถ้าเช่นนั้นเราจะสามารถบังคับให้เข้ามาถึงตรงระดับนี้ได้โดยพลัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-09-2010 เมื่อ 13:59
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา