หลังจากผ่าตัดมาแล้ว ช่วงนี้จะเรียกว่า "ระยะพักฟื้นตัว" ก็เห็นจะได้อยู่ ร่างกายมันไม่เข้ารูปเข้ารอย เหมือนเก่าเท่าไหร่นัก ยังมีลิ่มเลือดออกมาเป็นระยะ ๆ อันนี้ยังพอสู้ไหว แต่ในเรื่องกำลังใจนั้น คราวนี้มันมีสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ข้างใน
"ใจหนึ่งมันสู้แบบถวายชีวิต ตายเป็นตาย เหมือนหมาจนตรอก" แต่อีก "ใจหนึ่งหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงและกำลัง พร้อมจะยกธงแพ้ตลอดเวลา" มันมาให้เห็นทุกวัน และเกือบจะทุกเวลา แล้วแต่ฝ่ายไหนเท่านั้นเอง ที่จะสามารถยึดพื้นที่ได้ในแต่ละช่วงขณะจิต
กระผมส่งจดหมายข้ามฟากไปแดนไกล อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการบอกกล่าวเล่าเหตุให้ครูบาอาจารย์ท่านฟัง ตั้งแต่ก่อนเข้ารักษาตัวและหลังทำการรักษาตัว มันมีประโยคหนึ่งที่ผมเขียนบอกท่านว่า "ถ้าจะให้ผมร้องไห้ออกมาตอนนี้ ผมร้องไม่ออก แต่กระผมจะพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่"
เมื่อคืนก่อนนอน ก็ว่าจะทำกรรมฐาน แต่ก็สู้ฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปไม่ไหว มันอ่อนแรง ใช่ว่าจะนอนหลับ มันหลับตื่น ๆ เปิดเสียงธรรมของหลวงปู่หลวงพ่อท่านฟัง ให้เกิดกำลังสู้ มารู้สึกตัวอีกทีตอนตีสาม เคลิ้ม ๆ กึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นภาพพระวิสุทธิเทพ ท่านลอยมาขาวสว่าง จนตัวผมเล็กเป็นอณูไปเลย ได้สติว่า "ลุกขึ้นมาทำกรรมฐานเถอะ นอนไปก็เท่านั้น" ค่อย ๆ คลานไปหน้าโต๊ะหมู่บูชา กราบพระสวดมนต์ แล้วทำกรรมฐาน จนตีสี่ครึ่ง เห็นร่างกายมันเริ่มอ่อนแรงลงอีก ก็เลยนอนทำกรรมฐานจนหลับไป รู้สึกอีกครั้ง ในนิมิต เห็นหลวงพ่อเล็ก ท่านกำลังสอนกระผมอยู่ ท่านเอากระดาษขึ้นมาพร้อมวาดรูปลงไปในกระดาษใบนั้น พร้อมกับสอนว่า
"โครงสร้างของรูปอะไรก็แล้วแต่ สำคัญที่สุดก็คือเส้นหลัก ๆ ที่เราวาดลงไปก่อน จะเป็นรูปอะไร สวยงามขนาดไหน มันต้องให้ความสำคัญที่เส้นหลัก ๆ ก่อนเสมอ เหมือนกับการทำสมาธิ ทำกรรมฐาน ให้เราให้ความสำคัญตั้งแต่พื้นฐานขึ้นไปเสมอ ๆ "
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 01-08-2010 เมื่อ 11:12
|