ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 08-01-2014, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,803 ครั้ง ใน 34,093 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของการปฏิบัติ หลายท่านก็วางกำลังใจผิดตั้งแต่ต้น ก็คือทำแล้วอยากได้นั่น อยากเห็นนี่ การที่เรา "อยาก" ทำให้กำลังใจไม่ทรงตัว เพราะตัวอยากเป็นความฟุ้งซ่าน ในเมื่อจิตยังฟุ้งซ่านก็เข้าถึงฌานไม่ได้เสียที

หลายท่านก็อยู่ในลักษณะของบุคคลที่แสวงหาครูบาอาจารย์ไปเรื่อย ๆ ขอบอกว่าถ้ายังหาไปเรื่อย ก็ไม่ได้อะไรสักทีเหมือนกัน เพราะครูบาอาจารย์แต่ละท่านเหมือนกับเจ้าของกิจการ จะเป็นกิจการใหญ่เล็กอย่างไรก็ตาม อย่างค่ายโทรศัพท์ของเอไอเอส หรือว่าจะเป็นซีพี จะเป็นซีเมนต์ไทย การบินไทย กิจการของคนอื่นทั้งสิ้น เราไปก็คือไปชมสมบัติเศรษฐี ถึงเวลาท่านก็บอกเราว่าทำอย่างไรถึงจะรวย แต่เราไม่ได้ทำเสียที มัวแต่ไปขอดูของคนอื่นไปเรื่อย ๆ ในเมื่อเราชมเศรษฐีไปเรื่อย ๆ เราก็ไม่มีสมบัติเป็นของตัวเองเสียที

อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของการทดลอง ทดสอบครูบาอาจารย์ ขอบอกว่านอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว ยังกลายเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยด้วย บางท่านก็อธิษฐานอย่างนั้นมา อธิษฐานอย่างนี้มา ไปที่อื่นเขาอาจจะสงเคราะห์ให้ตามที่เราอธิษฐาน แต่ไม่ใช่ตรงนี้ เพราะอาตมาเลิกสนใจคำอธิษฐานของคนอื่นมาหลายปีแล้ว ป่วยการเปล่าที่จะไปดูความในใจคนอื่นเขา

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ดูใจของเราเอง ดูว่าใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ? ถ้ามีก็ขับไล่มันออกไป แล้วระมัดระวังไว้อย่าให้มันเข้ามา ดูว่าใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีพยายามสร้างให้มีความดีขึ้นมาให้ได้ เมื่อมีความดีอยู่ในใจแล้วก็พยายามประคับประคองรักษาให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ดังนั้น..ลักษณะการดูใจคนอื่นจึงมีประโยชน์น้อย สู้ดูใจของตัวเองไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2014 เมื่อ 15:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา