ดูแบบคำตอบเดียว
  #17  
เก่า 27-02-2016, 13:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,079 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างที่บอกกล่าวไปเมื่อวานนี้ว่า เรื่องของกีฬาสมาธิเป็นความจำเป็น เพื่อป้องกันความเบื่อหน่ายของตัวเราเอง ซึ่งปัจจุบันนี้ความสนใจของบรรดาเด็กรุ่นใหม่ ๆ มักจะอยู่กับอะไรได้ไม่นาน ทุกอย่างฮือฮามาพักหนึ่ง แล้วก็สลายหายไปกับสายลม เหมือนอย่างกับเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อเป็นอย่างนั้นก็จำเป็นที่จะต้องสร้างเสริมสมาธิของตัวเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น จะได้จดจ่อแน่วแน่อยู่กับบางสิ่งบางอย่างตรงหน้าได้นานขึ้น

แต่ว่าลักษณะของการจดจ่อแน่วแน่กับบางสิ่งบางอย่างตรงหน้า บางทีก็กลายเป็นมิจฉาสมาธิ อย่างเช่น นั่งเล่นเกมส์ข้ามวันข้ามคืน นั่งแชตกันข้ามวันข้ามคืน เป็นต้น ฉะนั้น...เรื่องของสมาธิจึงสำคัญอยู่ที่คนใช้ ใช้ได้ถูกทางก็ช่วยในการตัดกิเลส ใช้ผิดทางก็เป็นการสร้างเสริมกิเลส

หลายท่านเมื่อเจริญกรรมฐานจนกำลังใจทรงตัว พอคลายกำลังใจออกมาแต่ไม่พิจารณาวิปัสสนาญาณ สภาพจิตก็จะเอากำลังที่ฝึกได้ ที่ทำได้ตอนนั่งสมาธิไปฟุ้งซ่านแทน แล้วตอนนี้กิเลสจะมีกำลังมากเป็นพิเศษเพราะได้รับการสนับสนุนจากกำลังสมาธิของเราเอง ก็จะฟุ้งซ่านได้อย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นการเป็นงาน เราทำอย่างไรก็รั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ เพราะว่าเราไปสนับสนุนกิเลสเสียเอง หลายท่านที่เคยสงสัย ตอนนี้ก็คงจะหายสงสัยแล้วว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

ในขณะเดียวกัน ท่านที่สามารถกดกิเลสได้ชั่วคราว ก็ต้องระมัดระวังอย่าให้กำลังใจเคลื่อนออกมา คลายออกมา เพราะถ้าหากว่ากิเลสตีกลับเมื่อไร ก็จะเกิดอาการ รัก โลภ โกรธ หลง กำเริบมากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะอยู่ในลักษณะของการเก็บกดมานาน เรื่องพวกนี้บางทีต้องอาศัยประสบการณ์ หรือไม่ก็อาศัยปัญญาในการปฏิบัติที่จะรู้และเข้าถึง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาและการลองผิดลองถูก บางทีก็ทำผิดทำพลาดต่อเนื่องกันมาเป็นปี ๆ เอาไปบอกกล่าวคนอื่นเขาก้าวเดียวก็พ้นไปแล้ว เป็นเพราะว่าเราไม่รู้วิธี กว่าจะศึกษาให้รู้ได้ก็เสียเวลาไปมาก แต่ขณะเดียวกัน บอกกล่าวให้ผู้อื่นก้าวข้ามไปง่าย ๆ หลายคนก็ไม่เชื่ออีก กลายเป็นขอไปลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แล้วทำให้ตัวเองต้องเหนื่อยยากโดยใช่เหตุ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2016 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา