"ปัจจุบันนี้การดำเนินการของรัฐบาลทุกอย่างอยู่ในลักษณะกดดัน ไม่ให้เกียรติ เห็นพระเป็นศัตรู เมื่อไม่กี่วันก่อน ก่อนหน้าที่อาตมาจะลงมากรุงเทพฯ ก็มีการไปตรวจสอบวัดต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ป่า ต้องใช้คำว่า "อุ้มพระออกจากป่า"
ในขณะเดียวกัน พอทางด้านอิสลามมีการบุกรุกพื้นที่ป่า กลับมีการประชุมข้าราชการทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกที่ประนีประนอมที่สุด ก่อนหน้านั้นก็มีภาพห้างบิ๊กซีประชาสัมพันธ์เชิญโต๊ะอิหม่ามไปกินอาหารแทนการเลี้ยงพระ เพราะฉะนั้น...พวกเราหัดซ้อมละหมาดไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ ถึงเวลากลายเป็นประเทศอิสลามจะได้ไม่ลำบากมากนัก...! ส่วนอาตมาเป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เพราะอยู่กับพวกเขามาตลอด
ชาวพุทธของเราต้องบอกว่าเป็นพลังเงียบที่เงียบจนไม่มีเสียง ขณะที่อิสลามเขามีอยู่แค่ ๔ เปอร์เซ็นต์เศษ เขาเรียกร้องสิทธิทุกอย่าง แต่พวกเราเงียบอย่างเดียว การเดินทางไปสังเวชนียสถานของพวกเราก็ควักกระเป๋ากันเอง แต่ถ้าหากว่าเป็นอิสลาม รัฐบาลควักกระเป๋าเป็นร้อยล้านเพื่อสนับสนุนให้เขาเดินทางไปแสวงบุญ การสร้างมัสยิดรัฐบาลก็ต้องควักเงินอุดหนุน ขณะที่ศาสนาพุทธโดนสั่งไม่ให้ อบจ. สนับสนุนเงินในการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดทุกรูปแบบ ทั้งที่ก็ภาษีอากรของพวกเราแทบทั้งนั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 13:08
|