ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 04-05-2010, 23:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐

วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐


ผมปฏิบัติกรรมฐานแบบเอาจริงเอาจัง ทุ่มเทกันแบบถ้าทำไม่ได้ก็ยอมตาย โดยเริ่มต้นในปี ๒๕๑๘

วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๑๘ โยมพ่อผมเสียชีวิต ผมดูแลพ่อมา ๖ ปีเต็ม ๆ ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน พี่ชายกลัวว่าผมจะเสียใจ ก็เลยเอาคู่มือปฏิบัติกรรมฐาน* ของหลวงพ่อมาให้ ตอนนั้นหนังสือเพิ่งจะออกเป็นชุดแรก พี่เขาบอกว่า เอาไปอ่านดู ถ้าทำได้ก็ทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ

ตอนนั้นผมบวชเณรหน้าไฟเพื่อจะส่งศพ หลังจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ ๓๐ กว่าปีแล้ว ยังไม่มีสักวันหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าจะท้อถอยในการปฏิบัติเลย ที่พูดอย่างนี้เพราะว่าเป็นห่วงกำลังใจพวกเรา พอเจออุปสรรคเข้าหน่อย พวกเราก็เตรียมจะถอยกันหมดแล้ว

ไม่มีการเตรียมพร้อม ไม่มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้จริง ๆ ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่เราจะชนะมันยาก กิเลสมันไม่เคยปรานีเรา มีโอกาสเมื่อไรมันตีเราตายเลย แต่เราเองกลับไปปรานีมันทุกที

พระพุทธเจ้าท่านบอกแล้วว่า การปฏิบัตินั้นต้องมี อาตาปี สัมปชาโน สติมา** อาตาปี คือการมีความเพียรในการเผากิเลส สัมปชาโน คือประกอบไปด้วยสัมปชัญญะ สติมา คือเป็นผู้ทรงสติเอาไว้เฉพาะตรงหน้า

คำแรกที่ท่านเอาขึ้นมานั้น สำคัญที่สุด ความเพียรในการเผากิเลส ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา กิเลสมันจะโดนจำกัดอยู่ในกรอบ ไม่สามารถที่จะออกไปเพ่นพ่านตามใจมันได้ มันก็จะดิ้นรนของมัน

เมื่อมันติดกรอบคือศีลมันก็จะดิ้น แล้วพอโดนสมาธิเผาซ้ำเข้าไปอีก คราวนี้มันดิ้นใกล้ตาย แต่เราเองพอกิเลสมันดิ้นใกล้ตายเมื่อไร เราก็ไปปล่อยมัน มันร้องว่าหิว เราก็เชื่อมัน มันร้องว่าเหนื่อย เราก็เชื่อมัน ร้องว่าง่วงเราก็เชื่อมัน

เชื่อมันทุกอย่าง แล้วเมื่อไรเราจะเอาดีได้ ในเมื่อเราไปเชื่อกิเลสแทนที่จะเชื่อพระพุทธเจ้า พอเราเชื่อกิเลสถึงเวลามันเรียกร้องอย่างไร เราก็ตามใจมัน

มารยามันเยอะ พอเราทำความเพียรเผาเข้าหน่อย มันก็ดิ้นรนส่งส่ายฟุ้งซ่านไปทุกรูปแบบ พยายามที่จะมุดออกไปทางโน้นทางนี้ เพื่อที่จะหนีไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นมันตาย แต่พอกิเลสมันดิ้นรนหน่อยเดียว เราก็ยอมมันแล้ว

หมายเหตุ :
* พระราชพรหมยาน(วีระ ถาวโร ป.ธ.๔) : คู่มือปฏิบัติกรรมฐาน : วัดท่าซุง ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี ๖๑-๐๐๐
** ที.ม. ๑๐/๒๗๓ ; ม.มู. ๑๒/๑๓๑
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 05-05-2010 เมื่อ 04:43
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา