พรหมวิหาร ๔
น้ำใจของหลวงพ่อเงินนั้น ผู้ใกล้ชิดก็จะแลเห็นได้ว่า เป็นที่สถิตของพระพรหมได้จริง ๆ เพราะหลวงพ่อมีน้ำใจเป็นพรหมวิหารจริง ๆ วงศ์ญาติของหลวงพ่อกับลูกศิษย์และคนอื่นไกลที่ไปหา หลวงพ่อมีน้ำใจต่อคนเหล่านั้นเสมอเหมือนกัน น้ำใจอันกว้างขวางดุจน้ำใจของพระพรหม แผ่ไปในคนทั้งหลายทั่วหน้า แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน หลวงพ่อเป็นพระที่มีเมตตาบารมีสูงมาก
" ฉันสอนคนไหนก็สอนด้วยความเมตตา ฉันแผ่เมตตาแก่ทุกคน เจตนาดีต่อเขาอย่างแรงกล้าจนเป็นเมตตานุภาพ น้อมจิตของเขาให้มีแต่ความภักดี เกิดความเชื่อถือ จิตของเขาก็อ่อนโยนลง เราจะบังคับจิตของเขาให้ไปทางไหนก็ได้ เรื่องอำนาจจิตนี้ ฉันฝึกฝนมาแรมปี พอจะน้อมใจคนให้อ่อนลงได้"
"คนใดฉันสอนไม่ได้ แสดงว่าคนนั้นมีกรรมหนัก ไม่สามารถช่วยได้ จัดอยู่ในจำพวกที่เรียกว่า "เรียกไม่ลุกปลุกไม่ตื่น" ต้องปล่อยไปตามกรรม"
เรื่องแผ่เมตตานี้ หลวงพ่อพูดอยู่เสมอแม้แต่คนขนาดอ้ายเสือ หรือโจรหลวงพ่อก็บอกว่า
"ก่อนนอนให้แผ่เมตตาไว้ โจรผู้ร้ายมันก็สงสารเรา มันปล้นฆ่าเราไม่ลงหรอก"
"โจรจะปล้นจะฆ่าเรา เราก็ว่า น่าสงสารจริงเจ้าโจรเอ๋ย ช่างโง่งมงาย ไม่รู้จักบาปกรรม"
" ถ้าพบนักเลงอันธพาล เพ่งมองเราอย่างไม่พอใจ แทนที่จะมองตอบด้วยสายตากล้าแข็ง คิดโกรธ คิดร้ายตอบ เราก็นึกสงสารเขา คิดว่าเขาเป็นมิตรเรา เขาคงจะเข้าใจผิดต่อเรา จิตใจอันกล้าแข็งของเขาก็จะอ่อนลง คลายความดุดันโหดเหี้ยมลงได้"
เรื่องนี้ผู้เขียนเชื่อว่าจริง และการที่เราไม่คิดต่อสู้ หรือคิดประทุษร้ายตอบเขานั้น เขาย่อมพ่ายแพ้ภัยตัวเอง เขาย่อมได้รับโทษรับภัยเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|