ท่านที่เรียนบาลีจะซาบซึ้งเลยว่า ความหมายโดยอรรถกับโดยพยัญชนะต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะว่าโดยอรรถนั้น หมายเอาความเป็นปัจจัตตังของหลักธรรม ก็คือการที่รู้เฉพาะตน รู้อยู่กับใจของตนเอง ไม่สามารถจะบอกกล่าวเป็นคำพูดได้ เพราะว่าหลักการปฏิบัติธรรมนั้น ละเอียดเกินกว่าที่คำพูดและตัวหนังสือจะอธิบายออกมาได้
ดังนั้น...ถ้าหากว่าจะเรียนบาลีเพื่อให้เข้าถึงพระไตรปิฎกจริง ๆ จะทิ้งการปฏิบัติธรรมไม่ได้ ต้องควบคู่กันไปทั้งปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะเมื่อแปลออกมาถูกต้อง แล้วน้อมนำมาปฏิบัติ ก็จะได้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงกับตนเอง และถ้าปฏิบัติได้แล้ว นำสิ่งที่ถูกต้องไปเผยแผ่ต่อ ไปสั่งสอนต่อ ก็จะเกิดประโยชน์กับคนหมู่มาก เป็นการอนุเคราะห์แก่โลก
ฉะนั้น...ผมเห็นว่าการที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงมีพระราชปุจฉาออกมา เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เป็นการกระตุ้นพระผู้ใหญ่ในระดับมหาเถรสมาคม ซึ่งมีธรรมเนียมว่าต้องเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ให้พระผู้ใหญ่ระดับนั้นได้คิด ได้ปรับปรุงแนวทางการศึกษาทั้งบาลีและนักธรรม
ไม่ใช่ทำไปโดยความเคารพว่าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงนิพนธ์ตำราไว้แล้ว ร้อยกว่าปีผ่านไป กูก็ว่าไปตามนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าลักษณะนั้นก็เป็นแค่ไดโนเสาร์..รอวันสูญพันธ์ุ เพราะว่าไม่สามารถที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับโลกในสมัยใหม่ได้ แล้วก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริงจากหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2021 เมื่อ 08:10
|