ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 27-04-2015, 18:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,949 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาปฏิบัติตามวัดป่าสายหลวงปู่มั่นมาตั้งแต่เด็ก ครูบาอาจารย์สายโน้นไม่พูดอะไรมากหรอก “ไปทำเอา ไปภาวนาเอา เป็นอย่างไรแล้วมาบอก” ไหวไหม ? ไปทำเอา ไปภาวนาเอา เป็นอย่างไรแล้วมาบอก ครูบาอาจารย์ท่านจะวิเคราะห์แล้วแยกแยะให้ว่าตอนนี้ของเราเป็นอย่างไร แล้วท่านก็จะบอกก้าวต่อไป ถ้าโดนอย่างนั้นตายแน่ เพราะพวกเรานี่เคี้ยวเสร็จป้อนใส่ปากแล้วยังไม่ค่อยอยากจะกินเลย

ในเมื่อความละเอียดในการปฏิบัติมีมากกว่าทางโลก กิเลสสามารถที่จะพลิกแพลงมาทุกซอกทุกมุม สติ ปัญญา ของเราจึงต้องเท่าทัน ถ้าไม่เท่าทันก็เสร็จ หลายคนโดนกิเลสจูงไปไกลมาก ปฏิบัติธรรมมาแล้วรู้สึกว่าเราเป็นคนดีเหลือเกิน เรามีศีลขณะที่คนอื่นไม่มี เรามีสมาธิขณะที่คนอื่นไม่มี เรามีทิพจักขุญาณขณะที่คนอื่นไม่มี กว่าจะรู้ตัวว่าที่แบกไว้นั่นกิเลสทั้งนั้น แต่ก็ยังไม่รู้ตัว

กิเลสที่แบกไว้คือมานะ ความถือตัวถือตนว่าเราดีแล้ว เรามีหลักการปฏิบัติที่เหนือกว่าคนอื่นเขา เรามีความรู้ความสามารถที่มากกว่าคนอื่นเขา จำไว้ว่า ถ้ายังมีคำว่า “กว่า” มากกว่าก็ดี น้อยกว่าก็ดี หรือเท่ากันก็ดี เสร็จกิเลสหมด

เราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา ดี เลว กับเสมอ นี่ไม่ใช่ความชั่วเลย ชั่วตรง “เรา” “กว่าเรา” เพราะเอาตัวเองเป็นใหญ่ นั่นคือสักกายทิฐิ ตัวกูของกู กิเลสตัวเบ้อเริ่มเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2015 เมื่อ 10:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา