ดูแบบคำตอบเดียว
  #8  
เก่า 27-04-2015, 18:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่าเพิ่งท้อ สมัยนี้ไม่มีหรอกที่สามารถลุยกับกิเลสแล้วจบภายในม้วนเดียว บุคคลกว่าจะมาเป็นครูบาอาจารย์ได้ อาตมาเคยเปรียบว่าถ้าเป็นนักรบก็แผลทั้งตัว เย็บกันจนภาษาโบราณเขาว่า "เข็มหลง" ไม่รู้จะเย็บไปทางไหน แผลไหนกันแน่วะ ? ก็แปลว่าต้องผ่านการปฏิบัติ ต้องผ่านการฝ่าฟันมามาก กว่าจะถึงระดับที่เป็นที่พอใจคือรู้เท่าทันกิเลสได้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้แหละที่เราต้องมานั่งปฏิบัติกัน

เวลาปฏิบัติพยายามดูตัวเองด้วย เรามีความยินดียินร้ายอยู่หรือเปล่า ? ตอนเดินจงกรมเราก้าวยาวหน่อย เพื่อนก้าวสั้นเดินอยู่ข้างหน้าก็รำคาญเขา หงุดหงิด โกรธเขา ทั้ง ๆ ที่เพื่อนยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย “แล้วทำไมต้องมาซ้ายย่างหนอขวาย่างหนอ เดินธรรมดา ๆ ไม่ได้หรือ ?” อ้าว..ไปอีกแล้ว แปลว่าเราแบกกิเลสมาปฏิบัติธรรม ถ้าคนที่ไม่ได้แบกกิเลสมาปฏิบัติธรรม ทำตัวเหมือนอย่างกับแก้วน้ำเปล่า ๆ ภาชนะเปล่าเทอะไรใส่ลงไปก็บรรจุเอาไว้ได้ แต่ถ้าเราแบกกิเลสมาปฏิบัติธรรมเหมือนกับภาชนะที่เต็มแล้ว เทอะไรลงไปไม่ได้สักอย่าง

จึงเป็นเรื่องที่ต้องสังวรกันเอาไว้ว่า ถ้ารักการปฏิบัติจริง ๆ สภาพจิตของเราต้องละเอียดมากกว่านี้ เพราะกิเลสนั้นละเอียดเหลือเกิน ในช่วงท้าย ๆ ของการต่อสู้กับกิเลส อาตมาพูดอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า กิเลสกับเราหน้าตาเหมือนกันเลย ขึ้นอยู่กับปัญญาของเราเท่านั้นแหละ ว่าเราจะสามารถมองออกหรือเปล่าว่านั่นคือกิเลส เพราะฉะนั้น..ในการปฏิบัติธรรมจึงต้องทุ่มเท จริงจัง ทำอย่างสม่ำเสมอจนกว่าจะสามารถชนะกิเลสได้ในข้อใดข้อหนึ่ง แล้วกำลังในการชนะกิเลสนั้นสามารถไปใช้กับตัวอื่น ๆ ได้ เพราะกิเลสตัวอื่นก็กำลังเท่ากัน นี่เป็นสิ่งที่อยากจะฝากพวกเราเอาไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2015 เมื่อ 11:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา