ดูแบบคำตอบเดียว
  #11  
เก่า 30-04-2015, 11:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บ้านเราเลี้ยงลูกแบบโอ๋จนเกินไป ต้องเอาแบบฝรั่งบ้าง พอเด็กเริ่มจับช้อนเล่นพ่อแม่ก็ส่งอาหารให้กินเลย ไม่กินก็ไม่ว่า จะละเลงให้เละอย่างไรก็ไม่ว่า แต่พอพ้นมื้ออาหารเก็บล้างแล้ว ไม่มีอีกจนกว่าจะถึงมื้อต่อไป เด็ก ๆ พอได้บทเรียนก็รู้ว่าถ้าไม่กินก็หิวเอง ถึงเวลาก็ต้องตักใส่ปาก

ส่วนบ้านเรา ๑๐ กว่าขวบแล้วยังไล่ป้อนรอบบ้านอยู่เลย บางคนถึงขนาดเครียดจนเข้าโรงพยาบาลเพราะว่าลูกไม่กินข้าว มาปรึกษาอาตมาว่าจะแก้ไขอย่างไร บอกว่าอย่าไปง้อ ดูว่าผ่านไปสักครึ่งวันจะวิ่งมาหากินเองไหม เด็ก ๆ เขารู้วิธีว่าจะจัดการกับผู้ใหญ่อย่างไร โดยเฉพาะจัดการกับพ่อแม่ เพราะฉะนั้น..อย่าได้ใจอ่อนเป็นอันขาด ใจอ่อนเมื่อไรโดนแน่ ๆ

เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่แล้วเราไปใจอ่อนกับกิเลส พอถึงเวลาปฏิบัติธรรมไปหน่อยหนึ่ง ความเพียรที่เราสร้างขึ้นมา ต้องบอกว่าเกิดความร้อนในการแผดเผากิเลส กิเลสก็จะหงุดหงิด กลัดกลุ้ม ดิ้นรนสารพัด ไม่อยากปฏิบัติแล้ว “จะตายแล้ว” เราก็มักจะเผลอไปคิดว่าเราจะตายทุกที แล้วเราก็เลิก หรือไม่ก็ไปรามือ ไปผ่อนให้กับกิเลส

หลายท่านที่ปฏิบัติมาหลายสิบปีแล้วเอาดีไม่ได้ ก็เพราะไปเชื่อว่ากิเลสว่าเราจะตายแล้ว เกิดความรักความสงสารกิเลส ก็เลยเลิกปฏิบัติ ท้ายสุดกิเลสนั้นแหละที่ตีเราเกือบตาย ถ้าเราไม่เด็ดเดี่ยว ไม่เด็ดขาดพอ เราจะสู้กิเลสไม่ได้เพราะกิเลสมีมายามาก เราไปใจอ่อนให้ กิเลสตัวอ้วน ๆ ก็เลยร่าเริงต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2015 เมื่อ 16:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา