ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 31-10-2014, 11:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,912 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเดือนที่แล้วมีโยมอยู่คนหนึ่ง รู้กันจักกันมาตั้งแต่สมัยฆราวาส หายไปหลายปีเพิ่งจะมาปรากฏตัว บอกว่า “หลวงพี่..๒ ปีนี้กำลังใจผมแย่มากเลย” จึงบอกว่า “รู้ตัวแล้วทำไมไม่เอาคืนล่ะ ?” เขาบอกว่า “ลุ้นไม่ค่อยจะขึ้น” นั่นคือลักษณะของการทิ้งกำลังใจให้เสีย ปฏิบัติดีมานาน ๆ ถ้าทิ้งให้เสียเมื่อไร กิเลสก็ต่อต้านสุดชีวิต โอกาสที่เราจะโกยคืนมาให้ดีได้จะเป็นเรื่องยาก

พวกเราทุกคนถ้ามีโอกาสให้เร่งทำให้มากไว้ เรื่องของการพูดการคุย การปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น หรือว่าในเรื่องของโซเชียลมีเดีย จะต้องเข้าเฟซบุ๊ค จะต้องเข้าไปอัพรูป ไปลงสเตตัส ไปกดไลค์ใคร ให้เลิกไปชั่วคราว ตีเสียว่าใน ๕ วันนี้ เราจะตัดตัวเองจากโลกภายนอก ดูซิ..ว่าจะขาดใจตายไหม ? เราจะเห็นได้ชัด ๆ ว่ากิเลสหน้าตาเป็นอย่างนี้เอง ถึงเวลาก็จะดึงเรากลับไปทำแบบนั้นให้ได้ ถ้าไม่ได้ทำอย่างนั้นใจจะขาดรอน ๆ แล้วเราจะรู้ว่า นั่นเป็นแค่สิ่งที่เราผูกสัมพันธ์ แค่เราสร้างขึ้นมาเท่านั้น ยังตัดได้ยากขนาดนี้ แล้วร่างกายของเราซึ่งเป็นสิ่งที่รัก เป็นสิ่งที่หวงแหนมานับชาตินับภพไม่ถ้วน ถึงเวลาแล้วจะตัดยากขนาดไหน ?

ลองดูซิว่า..ไม่ใช้โทรศัพท์สัก ๕ วันจะถึงตายไหม ? กำลังของเราพอที่จะสู้กิเลสได้ไหม ? ถ้าพอสู้ได้เราต้องไม่แตะเลย ไม่เข้าเฟซบุ๊คสัก ๕ วันจะลงแดงไหม ? ถ้ามีการทดสอบลักษณะนี้ เราก็จะรู้ว่ากำลังของเราพอสู้กิเลสหรือเปล่า ? แต่ว่าส่วนใหญ่แล้ว พวกเรานอกจากจะไม่รู้วิธีต่อสู้กิเลสแล้ว ยังถนัดในการพอกพูนกิเลสอีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-10-2014 เมื่อ 11:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา