ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 16-09-2010, 10:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐานวันศุกร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๓

ทุกคนนั่งในท่าที่ถนัดของตัว คงไม่มีอะไรดีไปกว่าท่านั่งขัดสมาธิหลวม ๆ จะว่าไปแล้วท่านั่งก็เป็นส่วนสำคัญของการปฏิบัติ เพราะถ้าหากนั่งไม่ถนัด เกิดความเมื่อยขบได้ง่าย จิตใจก็จะไปกังวลอยู่กับสภาพร่างกาย ซึ่งทำให้ไม่สงบ

วันนี้เป็นวันที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นวันแรกของการเจริญกรรมฐานสำหรับเดือนนี้ ก็เป็นที่น่ายินดีว่า ทางวัดท่าขนุนของเราได้รับเลือกให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่น ๑ ใน ๘๓ สำนัก จาก ๑,๑๖๓ สำนักทั่วประเทศ

ถ้าดูการปฏิบัติ โดยเฉพาะตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดมา วัดท่าขนุนเพิ่งมีโอกาสทำงานนี้ไม่ถึง ๒ ปีเท่านั้น และโดยเฉพาะว่า เราเพิ่งจะมีการจัดปฏิบัติธรรมอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็ช่วงวันที่ ๑๒ - ๑๔ กันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งหลายท่านก็ได้เขียนใบสมัครเข้าปฏิบัติธรรมไปแล้ว

แปลว่าจากการที่คณะกรรมการเขาประเมินให้นั้น เขาประเมินจากสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น ความเหมาะสมของสถานที่ มีความร่มรื่นเหมาะในการปฏิบัติธรรมหรือไม่ มีที่พักเพียงพอหรือไม่ มีห้องน้ำห้องท่าเพียงพอหรือไม่ มีครูบาอาจารย์ผู้สอนที่เพียงพอและมีความรู้เหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น

วันนี้ที่อยากจะกล่าวกับพวกเราก็คือว่า ระยะนี้มีอุทกภัย คือน้ำท่วมอยู่หลายจังหวัดและหลายประเทศ พี่น้องชาวไทยตลอดจนชาวต่างประเทศเดือดร้อนกันมาก จะว่าไปแล้วความเดือดร้อนนี้ก็เกิดขึ้นจากผลกรรมเก่าที่เราละเมิดศีลต่าง ๆ

ในเรื่องของศีลนั้น เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องปฏิบัติควบคู่กับการทำสมาธิ เพราะว่าศีลเป็นเบื้องต้นของความดีทุกประการ ถ้าศีลไม่ทรงตัว อย่าหวังเลยว่าสมาธิจะตั้งมั่นได้ เมื่อศีลเป็นปัจจัยพื้นฐานของความดีทุกประการ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องใคร่ครวญและทบทวนอยู่เสมอ

ในแต่ละวันก่อนนอนให้มีเวลาทบทวนว่า วันนี้เราละเมิดศีลข้อใดบ้าง มีการฆ่าสัตว์หรือไม่ มีการลักขโมยหรือหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้หรือไม่ มีการไปละเมิดคนที่เขารัก ของที่เขารักหรือไม่ มีการพูดจาโกหกหลอกลวงหรือไม่ และท้ายสุดมีการดื่มสุราหรือว่าเสพยาเสพติดต่าง ๆ หรือไม่

ถ้าหากว่าเราละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง ก็ให้ตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะระมัดระวังศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ จะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำ และจะไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นทำการละเมิดศีล

ถ้าเราทบทวนและตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจังแบบนี้ทุกวัน โดยไม่ไปเสียดายเวลาที่ผ่านไปกับการละเมิดศีล หรือไม่ไปเศร้าหมองกับความชั่วเก่า ๆ ที่เราละเมิดศีล โอกาสที่จะหลุดพ้นก็จะมี แต่ถ้าเรามัวไปเศร้าหมองอยู่กับเรื่องเก่า มัวแต่ไปเสียดายเวลาที่ปฏิบัติได้บริสุทธิ์บริบูรณ์มาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่ต้องมาพังทลายไปเพราะการละเมิดในครั้งนั้น ๆ โอกาสที่เราหลุดพ้นก็น้อย เพราะจิตใจมัวแต่ไปเศร้าหมองไปพะวักพะวนอยู่

ฉะนั้น...การทบทวนศีลที่เป็นเรื่องสำคัญนั้น ให้ทบทวนในลักษณะพร้อมที่จะแก้ไขให้ดีอยู่เสมอ ไม่ใช่ไปทบทวนในลักษณะที่เมื่อรู้ว่าเราละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่งก็ไปเศร้าหมองครองทุกข์อยู่ตรงนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2010 เมื่อ 10:21
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา