การคิดถึงความตายไม่ใช่ของง่าย
สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้มีความสำคัญดังนี้
๑. “หลวงตาสมชาย ท่านตายแล้ว แต่
ท่านใช้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใช้อภิญญาสมาบัติหรือมโนมยิทธิให้เกิดประโยชน์กับท่าน ท่านนึกถึงพระพุทธเจ้า ๆ ก็เสด็จ ท่านนึกถึงท่านฤๅษี ๆ ก็มา เพียงท่านฤๅษีถามว่า หลวงตาไม่อยากเกิดอีกแล้วใช่ไหม? เพียงแค่นี้บุญเก่าที่สะสมมาก็รวมตัว ท่านก็ไปนิพพานได้อย่างสบาย ๆ”
๒. “คนที่เขาตายกัน เขาตายกันเมื่อไหร่ วันนี้หรือพรุ่งนี้”
(เพื่อนผมตอบว่าไม่แน่) ทรงตรัสว่า “แน่สิ
คนทุกคนตายกันตรงที่ “เดี๋ยวนี้” ทั้งนั้นแหละ ร่างกายที่
กาลัง กัตวา (ตาย) นั่นแหละ ขณะจิตนั้นไม่มีตายเวลาอื่นหรอก ทุก ๆ คนจึงตายอยู่ในธรรมปัจจุบัน ตายจริง ๆ ก็เวลานั้น เวลาอื่นไม่ได้”
๓. “นี่แหละคือ
มรณานุสติที่เป็นจริงอยู่ในธรรมปัจจุบันนั่นแหละ ไม่ใช่คิดอย่างผู้ที่ยังประมาท คิดถึงความตายห่างมากเกินไป
ต้องคิดถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออกก็คือ คิดถึงอยู่ในธรรมปัจจุบันตายตอนนี้ไว้เสมอ แล้วควบอุปสมานุสติเตือนใจอยู่มิได้ขาด นี่ถึงเป็นของจริง”
๔. “ในอดีตที่เข้ามาสะสมบารมีธรรม การคิดถึงความตายไม่ใช่ของง่าย จิตคิดบ้าง ลืมบ้าง คิดแล้วไม่ยอมรับบ้าง ฝืนไปเสียบ้าง จนในที่สุดจิตละเอียดขึ้นก็คิดถึงวันละ ๒-๓ ครั้ง แต่จิตก็ยังไม่ทรงตัว พอจิตละเอียดขึ้นไปอีกคิดได้วันละประมาณ ๗ ครั้งทรงตัว แต่ก็ยังมีอารมณ์เกาะติดอยู่ในร่างกายของตนและบุคคลอื่น พระโสดาบันจึงยังมีครอบครัวได้ เพราะการเกาะติดตรงนี้”
๕. “แต่ไม่ได้คิดว่าตายตอนนี้ ถ้าคิดว่าตายตอนนี้จริง ๆ จนกระทั่งจิตทรงตัว ภาระครอบครัวก็ไม่มี มันมีไม่ได้ คนมันคิดจักตายอยู่รอมร่อ จักไปใยดีอะไรกับร่างกายของตนและของคนอื่น"
๖. “จุดนี้แหละที่สมเด็จองค์ปัจจุบันตรัสกับพระอานนท์ไว้ว่า
ตถาคตนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก เพราะจักทำให้จิตมันชินกับความไม่ประมาท อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ เกิดขึ้นได้เพราะจุดนี้ อย่าปล่อยความดีจุดนี้ให้หล่นหายไปเสียนะ จงทำไว้ให้เป็นปกติ ถ้าทำให้ถึงพร้อมความประมาทในธรรมก็จักไม่มี มรรคผลนิพพานจักเกิดขึ้นได้ง่าย”
๗. “พวกเจ้ามาถึงจุดนี้
พบขุมทรัพย์ในมรณานุสติแล้ว ถ้าจักไม่ฉลาดตักตวงแล้ว ก็สุดแล้วแต่อัธยาศัยเถิด ถ้าขยันเก็บสะสมไว้ให้จิตทรงตัวที่จุดนี้
จิตก็จักไม่ประมาทในชีวิต การตัดกิเลสก็จักเป็นของง่ายดายยิ่งขึ้น
อย่าละความเพียร (พยายาม) ก็แล้วกัน”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com