ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-01-2013, 21:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,406,093 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเป็นเช่นนี้จะเห็นได้ว่า ในส่วนของพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นตัวควบคุมศีลอย่างแท้จริง บุคคลที่ทรงพรหมวิหาร ๔ จะมีศีลบริสุทธิ์โดยอัตโนมัติ การที่เราจะบำเพ็ญในพรหมวิหาร ๔ นั้น ก็คือการที่เรากำหนดใจที่เต็มไปด้วยหวังดีปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิทุกหมู่ทุกเหล่า ตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรต่อคนและสัตว์ทั่วโลก กำหนดความรู้สึกนี้ให้แผ่ออกไปสู่เขาทั้งหลายเหล่านั้น

เมื่อกระทำจนกระทั่งกำลังใจสงบเยือกเย็น เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาแล้ว ก็ให้จับลมหายใจเข้าออกภาวนาต่อไป จึงจะทำพรหมวิหาร ๔ นี้ให้เป็นฌานได้ ไม่เช่นนั้นแล้วพรหมวิหาร ๔ ของเรา อย่างเก่งที่สุดก็ไม่ได้เกินอุปจารสมาธิ เพราะว่าเป็นอารมณ์ในการคิดเสียมาก ดังนั้น..พรหมวิหาร ๔ จะทรงตัวหรือไม่ทรงตัว ขึ้นอยู่กับพื้นฐานคืออานาปานสติ คือลมหายใจเข้าออกของเรา

ถ้าเราจะกระทำตัวเมตตาพรหมวิหารในอีกลักษณะหนึ่ง คือการกำหนดภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมา ให้พระองค์ท่านสว่างไสวอยู่ทั่วจักรวาล กำหนดให้พระรัศมีอันสว่างไสวของพระองค์ท่านนั้น คือพระเมตตาซึ่งแผ่ปรกไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิทุกหมู่ทุกเหล่าโดยเสมอหน้ากัน

หายใจเข้า..ให้พระรัศมีของพระองค์ท่าน แผ่กว้างออกไปสู่เขาทั้งหลายเหล่านั้น หายใจออก..ให้พระรัศมีทั้งหลายเหล่านั้น หดกลับเข้ามาสว่างไสวอยู่ที่องค์พระท่าน หายใจเข้า..ให้รัศมีแผ่กว้างสว่างไสวออกไป หายใจออก..ให้พระรัศมีหดกลับเข้ามาสว่างอยู่ที่องค์พระ การซักซ้อมดังนี้นอกจากจะเป็นการแผ่เมตตา ที่เราจะรู้สึกว่าเป็นรูปธรรมแล้ว ยังเป็นการซักซ้อมในพุทธานุสติ ในกสิณ และในกรรมฐานกองอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกด้วย

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้สามารถที่จะทำได้ จัดเป็นกีฬาสมาธิ เพื่อทำให้สภาพจิตของเราได้มีสิ่งที่แปลกใหม่เอาไว้กระทำ แทนที่จะดูแต่ลมหายใจอย่างเดียว หรือแทนที่จะแผ่เมตตาอย่างเดียว เมื่อสภาพจิตมีสิ่งที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ เข้ามารับรู้ ก็จะไม่ฟุ้งซ่านไปที่อื่น ดังนั้น..การที่เราจะกำหนดภาพพระให้พระองค์ท่านแผ่พระรัศมีออกไป แทนพระเมตตาคุณต่อที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายก็ดี สิ่งที่จะลืมไม่ได้คือต้องควบกับลมหายใจเข้าออก เพื่อความมั่นคงในสภาพจิตใจของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2013 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา