หรือท่านทั้งหลายอาจจะใช้พรหมวิหาร ๔ ก็ได้ แม้กระทั่งตัวของอาตมาเอง ที่ฝึกซ้อมอสุภกรรมฐานมามาก แต่เมื่อถึงวาระจริง ๆ ก็เกิดอาการที่เรียกว่า "เอาไม่อยู่" แต่โชคดีว่าพรรษานั้นได้ศึกษานักธรรมชั้นโท เรียนเกี่ยวกับอนุพุทธประวัติ เมื่อไปถึงประวัติของพระรัฐบาลเถระ พระเจ้าอุเทนได้ถามพระรัฐบาลเถระว่า "ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นคนหนุ่ม ย่อมมากด้วยกามราคะ เหตุใดจึงตั้งอยู่ในพรหมจรรย์ได้ ?"
พระรัฐบาลเถระกราบทูลว่า "ดูก่อนมหาบพิตร...ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาดังนี้ คือพิจารณาว่า
มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งมารดา ก็ตั้งไว้ในที่แห่งมารดา
มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาว
มาตุคามนี้สมควรตั้งในที่แห่งน้องสาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาว
มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว
ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาดังนี้ จึงทรงพรหมจรรย์อยู่ได้"
เมื่อศึกษามาถึงตรงนี้ ก็เกิดความเข้าใจเลยว่า นี่เป็นตัวพรหมวิหาร ๔ คือ รักเขาเสมอกับคนในครอบครัวของเรา เมื่อเห็นเขาเป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นลูก ก็ย่อมเกิดความเมตตา กรุณา ไม่เกิดอารมณ์กามราคะขึ้น
ดังนั้น..เราจะเห็นว่าในสัพพัตถกกัมมัฏฐาน คือกรรมฐานที่ประกอบไปด้วยประโยชน์หลายประการ ที่โบราณาจารย์กำหนดไว้ว่า ผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องศึกษาไว้ ดังที่กล่าวมาข้างต้นคือ อานาปานสติกรรมฐาน กายคตานุสติกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน และพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นสิ่งที่สามารถช่วยในการระงับยับยั้งในเรื่องของการปรารถนาในคู่ครอง ในที่นี้ที่กล่าวถึงก็คือ บุคคลที่หวังความหลุดพ้นจริง ๆ ต้องไปตัวคนเดียว เพื่อจะได้ไม่มีห่วงไม่มีกังวล
เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเกิดความปรารถนาในคู่ครองขึ้นมา ก็ต้องใช้กรรมฐานเหล่านี้เป็นคู่ศึก เพื่อที่จะใช้ต่อต้าน และดึงตนเองให้ก้าวพ้นออกมาจากทุกข์นั้นได้ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายที่ประสบกับปัญหาในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ นำกองกรรมฐานทั้งหลายเหล่านี้ไปพิจารณา ว่าปัจจุบันนี้เราเหมาะสมกับกรรมฐานกองใด แล้วก็ปฏิบัติในกรรมฐานกองนั้นให้เต็มที่ ก็สามารถจะระงับยับยั้งกำลังใจของตน ไม่ให้ไหลตามกระแสโลกไปได้ และเมื่อสติ สมาธิ ปัญญาแก่กล้าขึ้นมา เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ยกจิตของตนออกจากร่างกาย ไม่ปรารถนาทั้งร่างกายตนเองและคนอื่น เราก็จะสามารถหลุดพ้น เข้าสู่พระนิพพานได้เช่นกัน
อันดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกาและเถรี)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2013 เมื่อ 02:32
|