ดูแบบคำตอบเดียว
  #106  
เก่า 19-04-2016, 22:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,171 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอเวลาความโลภเกิด ทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่าไม่ใช่ แต่ใจไปปรุงว่าน่าจะใช่ พอไปตรวจสอบก็เฝือเลย หลังจากนั้นก็เจ๊งยาว หลวงพ่อวัดท่าซุงถึงได้แนะนำว่า ใครใช้มโนมยิทธิเพื่อเป็นหมอดู อย่าให้เขาซักถามต่อหน้า ประเภทที่ให้เขาถามต่อหน้าอย่างอาตมา ท่านบอกว่าจะต้องแกร่งจริง ถ้าไม่แกร่งจริงเดี๋ยวยุ่ง ถ้าเขาซักงี่เง่ามาก ๆ แล้วเราโกรธ โมโห ขัดใจ มโนมยิทธิก็เฝือ เพราะอารมณ์ใจไม่บริสุทธิ์แล้ว

มีอยู่วันหนึ่งที่วัดท่าซุง ท่านเข้าโบสถ์ลงปาฏิโมกข์ หลวงพ่อท่านก็ปรารภว่า "เออ...พวกแกทดสอบมโนมยิทธิกันดีไหมหว่า ?" อาตมาก็ "ดีครับ" พวกมองกันตาเขียวทั้งโบสถ์ ไม่มีใครอยากลอง มีไอ้บ้าอยู่คนเดียวที่อยากลอง ส่วนอีกคนคือลุงพุฒิ เป็นเพื่อนกัน ลุงพุฒิแกก็ไม่กลัวหลวงพ่อเหมือนกัน คือลองผิดลองถูกอย่างไรเราก็ได้กำไร ผิดเราก็รู้ว่าผิดอย่างไร ถูกเราก็รู้ว่าอันนี้ใช่

หลวงพ่อท่านถอนใจบอกว่า "พวกแกบอกว่าได้มโนมยิทธิ จริง ๆ แล้วยังไม่มีใครได้สักคน" อาตมาก็ "หา...ทำไมเป็นอย่างนั้นครับหลวงพ่อ ?" ท่านบอกว่า "บุคคลที่ได้มโนมยิทธิจริง ๆ ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น เพราะใจท่านบริสุทธิ์พอ ไม่มีสิ่งใดจะมาปิดบังท่านได้" ถ้าหากเป็นคนทั่ว ๆ ไปแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง ที่อยู่ในใจ ชักพาให้เสียไปเยอะแล้ว จะเรียกว่ามโนมยิทธิก็ใช่ แต่ยังไม่ใช่มโนมยิทธิที่แท้ จนปัจจุบันที่เขาบอกว่า "อย่ามามโนฯ" คือประเภทคิดเอา เดาเอาเสียมากกว่า ไม่ใช่ของจริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2016 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา