เมื่อเห็นหนทางที่ถูกต้อง แล้วพระองค์ท่านสามารถที่จะทำได้สำเร็จ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาบุคคล ซึ่งสามารถเป็นพยานในการบรรลุมรรคผลของพระองค์ท่านได้ ทรงรำลึกถึงอาจารย์ทั้งสองท่าน คือ อาฬารดาบส กาลามโคตร และอุทกดาบส รามบุตร
ซึ่งความจริงมีแต่อาฬารดาบส กาลามโคตรเท่านั้นที่เป็นอาจารย์ ซึ่งองค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไปขอฝากตนเป็นศิษย์ เล่าเรียนจนได้สมาบัติที่ ๗ แต่ว่าอุทกดาบส รามบุตรนั้นเป็นเพื่อนสหธรรมมิก ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยกัน ศึกษาอยู่ด้วยกัน บอกว่า 'โยคีสิทธัตถะ..สิ่งที่ทำนี่เราว่าไปได้อีกหน่อยหนึ่งนะ' ว่าแล้วก็ขยาย 'เนวสัญญานาสัญญายตนะ' ซึ่งเป็นฌานที่ ๘ ให้ดู
องค์สมเด็จพระบรมครูทรงประกอบไปด้วยปัญญาอันเลิศอยู่แล้ว พอเห็นแนวทางปุ๊บ ก็ทำได้ทันที แต่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไปติดอยู่ที่สมาบัตินี่เอง ก็คือ..มีสัญญาเหมือนกับไม่มีสัญญา รู้สึกเหมือนกับไม่รู้สึก จึงไม่สามารถจะใช้ปัญญาในการพิจารณาธรรมได้ เมื่อได้แนวทางสายกลาง ลดกำลังลงมาเหลือแค่ฌานที่ ๔ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
แต่อนิจจา..น่าเสียดาย องค์สมเด็จพระจอมไตรทราบด้วยญาณว่า อาฬารดาบส กาลามโคตรผู้เป็นอาจารย์ เสียชีวิตไปเมื่อ ๗ วันที่แล้ว ส่วนอุทกดาบส รามบุตร เพื่อนสหธรรมมิกซึ่งเป็นผู้บอกแนวทางสมาบัติที่ ๘ ให้ เพิ่งจะตายภายในวันนี้เอง..!
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 01-08-2023 เมื่อ 21:40
|