ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 17-03-2019, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะศึกษาเรียนรู้แนวทางตามตำราไว้มาก ๆ พอถึงเวลาเราก็จะไปไล่ตามดูว่า ตอนนี้อารมณ์ใจของเราเป็นอย่างไร ตอนนี้การภาวนาของเราเป็นอย่างไร สิ่งใดที่กำลังเกิดขึ้น

การที่เราไปตามจี้ในลักษณะนั้น สภาพจิตก็จะไม่รวมตัว เราเองก็ไม่สามารถได้ผลตอบแทนเบื้องต้นที่จะพึงได้ แล้วบางคนพอศึกษาไปแล้ว ก็เอาไปคุยกับคนอื่นเขา โดยจำตำราไปพูด ก็ยิ่งพาให้เสียหายมาก เพราะว่าเราเข้าไม่ถึงอารมณ์ของการปฏิบัติอย่างแท้จริง ได้แต่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น คาดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้

ถ้าเราคิดว่า คาดว่า ได้ถูกต้อง ก็ถือว่าเสมอตัว แต่ถ้าผิด จะเป็นการสอนคนให้เป็นมิจฉาทิฐิ การเป็นมิจฉาทิฐินั้นมีโทษลงอบายภูมิอย่างเดียว เท่ากับว่าเราทำให้เขาจะต้องไปเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ห่างไกลมรรคผลออกไปมากขนาดนั้น

ดังนั้น...โทษของบุคคลที่สอนผู้อื่นเป็นมิจฉาทิฐิ มีทางเดียวคือลงอเวจีมหานรก หรือถ้าสอนแล้วมีคนเชื่อตามปฏิบัติตามผิด ๆ เป็นจำนวนมาก ก็อาจจะลงถึงโลกันตนรก ฉะนั้น..ในการศึกษาตำราขอให้ศึกษาเพียงเป็นแนวทาง แต่อย่าไปเอาจริงเอาจังกับตำรามากนัก ให้ทุ่มเทกับการปฏิบัติ แล้วสิ่งที่เราศึกษามาก็จะช่วยให้รู้ว่า ลักษณะที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้ามัวแต่ไปยึดติดตำราอยู่ ก็จะเสียเวลาไปเปล่า ๆ โดยไม่ได้ผลตอบแทนอะไร

ลำดับต่อไปก็ขอให้ท่านทั้งหลายตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2019 เมื่อ 03:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา