เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
ขอให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ความสำคัญก็คือ ต้องตั้งกายให้ตรง เพื่อให้ลมเดินได้โดยสะดวก หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้ง เพื่อระบายลมหยาบออกให้หมด
หลังจากนั้น ให้กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่กับลมหายใจเข้า - ลมหายใจออก หายใจเข้ากำหนดรู้ตามไป ว่าตอนนี้ลมผ่านจมูก..ผ่านกึ่งกลางอก..ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออก ลมออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก..มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามที่เราถนัดและชำนาญ
สำหรับวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการปฏิบัติธรรมประจำต้นเดือนพฤศจิกายน วันสุดท้ายของเรา
ถ้าใครรู้สึกว่าไม่เพียงพอ ถึงเวลาทางวัดมีการบวชปฏิบัติธรรม สามารถที่จะไปลงชื่อร่วมบวชกันได้ ความจริงก็เริ่มรับสมัครแล้ว แต่พวกเรามักจะลืมรูปถ่ายกัน
ถ้าใครจะสมัครบวชปฏิบัติธรรมของวัดท่าขนุน รุ่นที่ ๓ วันที่ ๓๑ ธันวาคม และ ๑ – ๒ มกราคมนี้ ก็ให้เตรียมรูปถ่าย ๑ นิ้วมาด้วย ๑ รูป และที่ลืมไม่ได้ก็คือหมายเลขประจำตัวบัตรประชาชน เนื่องจากทางวัดเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ต้องมีการทำหลักฐานเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จึงต้องเก็บรายละเอียดด้วย
สำหรับการปฏิบัตินั้น เมื่อไปอยู่ที่วัด ถ้าในช่วงของการนั่ง ก็แล้วแต่เราว่าเคยถนัดภาวนาอย่างไร แต่การเดินนั้น ท่านให้เดินตามแบบของสติปัฏฐาน ๔ สายพองหนอ ยุบหนอ คือกำหนดการเดินเป็น ๖ ระยะด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่แล้ว เวลาของเราไม่ค่อยพอ ก็มักจะเดินอยู่ไม่เกินระยะที่ ๓ – ๔ เท่านั้น
การเดินจงกรมนั้นมีอานิสงส์มาก อันดับแรก ก็คือ เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อผ่อนคลายจากการที่เรานั่งสมาธิเป็นเวลานาน ๆ อันดับที่ ๒ ก็คือว่า ถ้าหากว่าเราสามารถภาวนาพร้อมกับการเดินได้ ต่อไปสมาธิที่ได้จากการภาวนาจะเสื่อมยาก
การที่เรานั่งภาวนา ถ้าหากว่าลุกขึ้นไปทำการทำงานต่าง ๆ สมาธิก็มักจะคลายตัว หลุดหายไปเสมอ แต่ถ้าเราเดินภาวนาจนชิน ร่างกายเคลื่อนไหวเป็นปกติอยู่แล้ว ถึงเวลาถ้าทรงสมาธิได้ สมาธิจะคลายตัวยากกว่ามาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2010 เมื่อ 17:45
|