ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 21-03-2019, 09:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,644 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๒

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ดังที่ได้กล่าวไว้ตอนก่อนที่จะสมาทานพระกรรมฐานว่า ภัยคุกคามของพุทธศาสนาของเรานั้น ปรากฏเด่นชัดขึ้นมาทุกที ถ้าเรายังประมาทอยู่ พระพุทธศาสนาที่เรารักอาจจะไม่เหลืออะไรไว้เลย

ซึ่งตรงจุดนี้ วิธีการที่จะแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือ พุทธบริษัท ๔ ซึ่งเป็นองค์กรที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตั้งเอาไว้ ประกอบไปด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

ซึ่งถ้าแบ่งแยกออกไปแล้วก็เป็นฝ่ายอนาคาริก คือผู้ไม่ครองเรือน ได้แก่ ภิกษุรวมสามเณรด้วย ภิกษุณีนับรวมแม่ชีเข้าไปด้วย อุบาสกอุบาสิกาคือฆราวาสชายหญิงที่คอยค้ำจุนพระพุทธศาสนา ในส่วนของฆราวาสชายหญิงนั้นเป็นอาคาริก คือผู้ครองเรือน มีครอบครัว ทำมาหากินตามปกติ เมื่อมีส่วนเหลือจากการกินการใช้แล้ว ก็นำมาเจือจุนฝ่ายอนาคาริกคือภิกษุภิกษุณี ซึ่งไม่มีการทำมาหากิน ไม่มีอาชีพ

เมื่อฝ่ายภิกษุภิกษุณีได้รับการอุดหนุนด้วยปัจจัย ๔ สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากมากนัก อาศัยที่มีเวลามากกว่าเพราะว่าไม่ได้ทำมาหากิน ก็เร่งรัดในการปฏิบัติธรรม จนกระทั่งสามารถเข้าถึงมรรคถึงผลอย่างแท้จริง เมื่อบุคคลที่เข้าถึงมรรคถึงผลอย่างแท้จริงมาบอกทางให้เราเดิน ก็จะเป็นทางที่ง่ายที่สุด เพราะว่าท่านเดินมาเองแล้ว รู้ว่าตรงไหนมีอุปสรรค ตรงไหนมีความคล่องตัว เมื่อนำเอาส่วนที่ง่ายนี้มาบอกกล่าวต่ออุบาสกอุบาสิกา อุบาสกอุบาสิกาก็อาศัยทางลัดที่เรียนรู้จากประสบการณ์ของภิกษุภิกษุณีนั้น ก้าวเข้าไปสู่มรรคสู่ผลของตนได้ง่ายยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีเวลาน้อยเพราะติดด้วยการทำมาหากิน

คราวนี้ในปัจจุบันนั้นภิกษุณีไม่มีแล้ว ที่มีอยู่ที่เห็นอยู่นั้นเป็นภิกษุณีสายมหายาน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เพียรพยายามที่ต้องการความยอมรับจากทางราชการและคณะสงฆ์ไทย แต่เนื่องจากว่าในเรื่องของธรรมวินัยนั้น ภิกษุณีของเราหมดไปแล้ว ไม่สามารถที่จะรื้อฟื้นได้ เพราะว่าปวัตตินีคือพระอุปัชฌาย์ของฝ่ายภิกษุณีไม่มี ไม่สามารถที่จะให้การบวชแก่สิกขมานาได้ เมื่อบวชแล้วก็ยังต้องมาญัตติในฝ่ายภิกษุอีกครั้งหนึ่ง เรียกว่าอุภโตสังฆอุปสัมปทา ก็คือการบวชในสงฆ์ทั้งสองฝ่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2019 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา