ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 28-02-2018, 21:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลักการที่สองก็คือ กุสลสฺสูปสมฺปทา แปลว่า จงปฏิบัติความดีให้ถึงพร้อม ซึ่งก็คือตรงกันข้ามกับความชั่วที่ได้กล่าวมา ได้แก่ การปฏิบัติใน กายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต

กายสุจริต ก็คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการดื่มสุราเมรัย ถ้าหากเรางดเว้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ แปลว่า เราเป็นผู้มีกายสุจริต คือประพฤติดีพร้อมทางกาย

ถ้าหากเว้นจากการพูดโกหก เว้นจากการพูดส่อเสียด เว้นจากการพูดคำหยาบ เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อไร้ประโยชน์ ก็แปลว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติดีถึงพร้อมทางวาจา เรียกว่ามีวจีสุจริต

ถ้าหากว่าเราไม่คิดโลภมาก อยากได้ของคนอื่นจนผิดศีลผิดธรรม ไม่คิดโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทผู้อื่น มีความเห็นถูกตามคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็แปลว่า เราเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติถึงพร้อมในด้านมโนสุจริต ก็คือถึงพร้อมด้วยความดีทางใจ

ในเมื่อหลักการของเราที่กล่าวว่า ให้งดเว้นจากการกระทำความชั่วทั้งปวง ให้ปฏิบัติความดีให้ถึงพร้อม ก็ยังไม่สามารถที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์ได้ ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบรรลุมาแล้ว พระองค์จึงได้ตรัสถึงหลักการสุดท้ายว่า สจิตฺตปริโยทปนํ แปลว่า จงชำระจิตของตนให้ผ่องใสบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-03-2018 เมื่อ 05:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา