"เขาเพิ่งจะบวชเสร็จ ใครจะบวชต่ออีกหรือเปล่า ? อย่าทำให้อาตมากลุ้มใจต้องถือไม้ตะพดเฝ้าวัดนะ ที่วัดมีแต่แม่ชีสาว ๆ เดี๋ยวหนุ่ม ๆ มากันให้พล่านไปหมด เป็นแม่ชีที่วัดท่าขนุนงานจะหนักมาก วันหนึ่งกว่าจะมีเวลาเป็นของตัวเองก็ประมาณบ่าย ๒ โมงแล้ว พอบ่าย ๔ โมงก็ทำความสะอาดวัดอีก เพราะฉะนั้นไปอยู่ที่นั่นจะอ้วนยาก
อำลาอาลัยพ่อแม่ญาติพี่น้องกันให้ดี แค่นี้ก็วัดอารมณ์ได้ชัดแล้วว่าตัดยากที่สุด ใจจะขาดรอน ๆ ตรงจุดนี้ก็อยากให้ทุกคนย้อนกลับไปนึกถึงวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ พระองค์ท่านถึงพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติทุกประการ มีพระชายาที่สวยที่สุด มีปราสาท ๓ ฤดู อีก ๗ วันสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิจะปรากฏแก่พระองค์ท่าน จะเป็นผู้ปกครองโลกทั้ง ๔ พูดง่าย ๆ ก็คือว่าในสุริยจักรวาลนี้ไม่มีใครยิ่งใหญ่เกินท่านอีกแล้ว พระโอรสที่รักยิ่งก็เพิ่งจะประสูติ พระองค์อภิเษกสมรสตอนพระชนมายุ ๑๖ ปี จน ๒๙ ปีจึงได้พระโอรส ๑ คน
แต่ว่าพระองค์ท่านสามารถตัดสินพระทัย เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ทนลำบากอยู่ ๖ ปีเต็ม ๆ ลำบากชนิดเลือดตากระเด็น อดข้าวชนิดไม่ฉันอะไรเลยต่อเนื่องกันเป็นเดือน ๆ ไม่มีแม้แต่กำลังจะเดิน ล้มอยู่กับพื้น คนเขาก็คิดว่าเป็นซากศพเพราะมีแต่หนังหุ้มกระดูก แต่พระองค์ท่านก็ไม่ได้ท้อถอย ตั้งใจปฏิบัติเพื่อพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยดวงจิตที่มุ่งประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ว่าถ้าพระองค์บรรลุธรรมแล้ว เขาเหล่านั้นจะได้ประโยชน์ไปด้วย เป็นพวกเราจะไหวหรือไม่ ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:25
|