เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๐
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ วันนี้จะกล่าวถึงสังขารุเปกขาญาณ ซึ่งเป็นวิปัสสนาญาณที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในวิปัสสนาญาณทั้ง ๙
ในการปฏิบัติธรรมของเรานั้น ต้องเป้าหมายใหญ่คือหวังการหลุดพ้นจากกองทุกข์ การหลุดพ้นจากกองทุกข์จะมีได้ก็ต่อเมื่อเรารู้เห็นทุกอย่างได้ชัดเจน เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด แล้วหยุดการปรุงแต่งทั้งปวง
การที่เราเบื่อหน่ายคลายกำหนัดนั้น ยังไม่สามารถที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์ได้ เพราะยังอยู่ในลักษณะของการเบื่อ ๆ อยาก ๆ แต่ถ้ามีสังขารุเปกขาญาณเข้ามาควบ จะทำให้สติ สมาธิ และปัญญาของเราสมบูรณ์พร้อม กิเลสต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะว่าสภาพจิตสังขารไม่ปรุงแต่ง ท่านถึงเรียกว่า สังขารุเปกขาญาณ ก็คือ สังขาร + อุเบกขา + ญาณ
สังขารในที่นี้ คือ จิตสังขาร การปรุงแต่งของใจเรา อุเบกขา คือ การปล่อยวาง วางเฉย ไม่ไปยุ่งเกี่ยวแตะต้อง ญาณ คือ เครื่องรู้ สังขารุเปกขาญาณ คือ เครื่องรู้ที่ทำให้เราปล่อยวาง ไม่ไปยุ่งเกี่ยวแตะต้อง จนกระทั่งกิเลสต่าง ๆ งอกงามไม่ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2017 เมื่อ 20:15
|