ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 28-01-2017, 18:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอเราไม่ไปปรุงแต่งเพิ่มเติม ก็เหมือนกับที่อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า เหมือนกับเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวลวกน้ำร้อนเฉย ๆ ใส่น้ำเปล่ามา ไม่มีใครอยากแตะต้อง ไม่มีใครอยากกิน แต่ถ้าเราไปเพิ่มชูรส ใส่พริก ใส่น้ำตาล ใส่น้ำส้ม ใส่ผักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหอม ผักชี ใส่ลูกชิ้น ใส่หมูสับ ยิ่งใส่มากเท่าไรก็ยิ่งชวนกินมากเท่านั้น แล้วเราก็จะกินไม่เลิก

แต่ถ้าเราไม่ใส่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ก็คือไม่ไปปรุงแต่ง สภาพจิตหยุดการนึกคิดต่อได้ ตัวสังขารุเปกขาญาณก็จะเกิดขึ้นกับเรา สามารถนำไปใช้งานได้ตลอดทั้งชีวิต เพราะว่ากิเลสต่าง ๆ จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ ตาเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส แล้วใจเอาไปครุ่นคิด ถ้าใจของเราหยุดคิด ทุกอย่างก็หยุดหมด ดับหมด ไม่มีอะไรก่อความเดือดร้อนให้แก่เราได้ นิโรธ คือ ความดับ ความสงบ ความร่มเย็นก็จะเกิดขึ้นกับเรา

ก่อนที่จะเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณ เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกปฏิบัติภาวนา แล้วพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเราในร่างกายนี้ เมื่อตัวเราก็เป็นเช่นนี้ คนอื่นก็เป็นเช่นนี้ สัตว์อื่นก็เป็นเช่นนี้ ในเมื่อเราต้องเกิดมามีร่างกายเช่นนี้ เราไม่พึงปรารถนาอีก จิตก็เริ่มเบื่อหน่าย คลายกำหนัด นำตนเองออกห่างจากสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น

ถ้าสติคือการระลึกได้ รู้อยู่ว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา ทันทีที่รับสัมผัส ถ้าเราคิดเมื่อไรจะเป็นทุกข์เป็นโทษแก่เราอย่างไร เราก็จะใช้สมาธิในการหยุดยั้งตนเองและการคิดต่อ จนกระทั่งท้ายสุดปัญญาก็จะรู้แจ้งเห็นจริงว่า คิดอย่างไรเป็นโทษ คิดอย่างไรเป็นประโยชน์ แล้วเลือกเอาด้านที่เป็นประโยชน์ งดเว้นด้านที่เป็นโทษ กำลังใจของเราก็จะหลุดพ้นจากการร้อยรัดของกิเลส เพราะว่าเราไม่ไปสร้างสาเหตุ กิเลสก็เกิดไม่ได้ ความดับจึงเกิดขึ้นแก่เรา การเวียนว่ายตายเกิดก็จะไม่มีอีก

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-01-2017 เมื่อ 19:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา