ดูแบบคำตอบเดียว
  #48  
เก่า 23-11-2009, 11:09
วาโยรัตนะ วาโยรัตนะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 550
ได้ให้อนุโมทนา: 13,972
ได้รับอนุโมทนา 45,905 ครั้ง ใน 953 โพสต์
วาโยรัตนะ is on a distinguished road
Default

เราค่อย ๆ ไต่ขึ้นปากถ้ำ เห็นปากถ้ำใหญ่อยู่เหนือขึ้นไปประมาณ ๑๕ เมตร โชคดีเป็นของพวกเรา..ชาวบ้านที่มาทำบุญส่งเสบียงอาหารให้หลวงตาโมเช่ ทำบันไดดินเป็นขั้น ๆ เอาไว้ จึงค่อนข้างสะดวก แต่ก็ประมาทไม่ได้ หากพลาดท่าลื่นตกลงไปมีหวังได้แบกกันกลับวัด "สวด" แล้วก็ "ฌาปนกิจ" ได้เลย..! (สงสัย..งานนี้กลับไปจะได้สวดให้คณะโยมที่ติดตามมา...ฝีมือมันคนละขั้น ๕๕๕๕๕๕๕)

ขนาดของถ้ำถือว่าใหญ่แต่ไม่ลึก เป็นลักษณะถ้ำหินปูน ด้านบนมีช่องที่แสงแดดส่องลงมาได้สะดวก อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีกลิ่นของมูลค้างคาว มีพื้นที่เป็นที่พักอาศัยได้ประมาณ ๕ ถึง ๗ คน ข้าง ๆ ผนังถ้ำมีแอ่งน้ำซับที่สามารถเอามาต้มก่อนดื่มกินได้

หลวงตาโมเช่เมื่อเห็นพวกเรา ท่านก็เดินออกมาต้อนรับ หลังจากกราบเรียนท่านว่า คณะเราเป็นใครมาจากไหนแล้ว หลวงตาท่านก็สอบถามถึงหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อท่านสบายดีหรือไม่ ?" หลังจากท่านอยู่ในถ้ำนี้ครบ ๑๐๘ วันแล้ว ท่านจะเดินเท้าไปเยี่ยมหลวงพ่อและไปแวะเกาะพระฤๅษี..เราสนทนาธรรมกับท่านอยู่นาน หลวงพี่แอ๋วคอยเป็น "ล่าม" ช่วยเสริมความเข้าใจให้พวกเรา เนื่องจากหลวงตาโมเช่ท่านพูดไทยปนสำเนียงกะเหรี่ยง หลายต่อหลายครั้งที่กระผมเองตีความผิดไปจากสิ่งที่ท่านพูด

สรุปในเรื่องของการปฏิบัติ หลวงตาโมเช่ท่านบอกว่า การมาอยู่ในป่าก็เพื่อเข้าหาความสงบ การทำสมาธิที่สำคัญที่สุดคือการเข้าหาความสงบ เรื่องอื่น ๆ นั้น เช่นเรื่องของการรู้การเห็นเป็นเพียงแค่เรื่องรอง ๆ ลงไปเท่านั้น ท่านสอนให้เราเคารพป่า เคารพธรรมชาติ ไม่ต้องไปอยากได้อะไร มีหน้าที่ทำอย่างเดียว คือทำใจให้สงบในสมาธิเท่านั้น

งานนี้ใครที่จะไปขอ "ของดี" อะไรจากท่าน......๕๕๕๕๕ เล่นเอานั่งกันเงียบสนิท จะมีก็แต่...ส่งสายตาให้กันและกัน ส่วนความในใจของท่าน ๆ เหล่านั้น กระผมพอจะทราบว่า "หลวงพี่รัตน์..ลุยเลยสิ..ขอของดีจากท่านเลย" งานนั้น..ด้วยเจโตฯ อันแม่นยำ(จริง ๆ แล้ว "แม่นระยำ" ดีกว่า) ของกระผม เลยค่อย ๆ อัญเชิญ "พระพุทธชินราชผงจักรพรรดิ สูตรของหลวงปู่ดู่" ใส่กรอบเรียบร้อยถวายหลวงตาโมเช่ พร้อมกับบอกท่านว่า "นิมนต์หลวงตารับเอาไว้นะขอรับ ถือเป็นพุทธานุสติขอรับ กระผมดีใจที่ได้มากราบหลวงตาในวันนี้ขอรับ"

หลวงตาโมเช่ค่อย ๆ บรรจงรับไว้ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มและเมตตา...หลวงพี่ท่านอื่น ๆ คงจะงง! งานนี้ไหนว่ามาขอของดีจากหลวงตา..กลับเป็นเอาของดีมาให้หลวงตา..กระผมเลยส่งภาษาใจไปทางสายตาอันหยาดเยิ้มว่า "บุญแบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ นะฮะ...ตัวเอง"

นั่งสนทนาธรรมกับหลวงตานานไปหน่อย ฤๅษีกลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ งานนี้ต้องเดินกลับกันเอง หวังว่าคงจำทางกลับได้นะ หลังจากนั้นพวกเราก็กราบลาหลวงตา แล้วเดินย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิม คราวนี้ด้วยความชันและลื่น ต่างก็พากันลื่นล้มจนนับครั้งไม่ถ้วน เผลอสตินิดเดียวเอง พรืดดดด..! ดีที่มีต้นไม้ให้เกาะ เจ็บจนน้ำตาแทบไหลเพราะมันดันล้มลงทางด้านขาที่เป็นฝี ขาไปกระทบเข้ากับกิ่งไม้ "ฝี" แทบทะลัก...หลวงพี่ปราโมชถาม "เจ็บหรือเปล่าหลวงพี่..." กระผมรีบเก็บอาการทันที ตะโกนตอบไปว่า ไม่เจ็บ..นิดเดียว..! (โคตร..เจ็บเลยต่อมน้ำตาแทบแตก) จีวร สบง เปื้อนดินสีน้ำตาลเข้ม กลับไปถึงวัดมันจะซักออกหรือเปล่า ? ชุดเก่งซะด้วยสิ..!

คณะเรากลับไปถึงวัดด้วยทีท่า "สะบักสะบอม" ไม่แพ้คณะที่แล้ว ๆ มา สามกิโลแม้วหรือสามกิโลกะเหรี่ยง งานนี้ทรหดพอ ๆ กัน
จั่งซี่มันต้องถอน..!...อ้วกสลบ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ภาพทางซ้ายมือบนคือ "ปากถ้ำ" ถ่ายย้อนขึ้นไปให้เห็นว่าสูงขนาดไหน ส่วนทางขวามือบนคือช่องที่แสงส่องลงมาจากเพดานถ้ำ
ภาพด้านล่างทั้งขวามือและซ้ายมือ คือทางเดินจงกรมรอบเจดีย์หิน ตรงนี้เองก่อนจะถ่ายภาพ กระผมเห็นแสงกระพริบ ๆ ออกมาหลาย ๆ ครั้งด้วยตาเปล่า ในรูปจะเห็นทางเดินจงกรมที่หลวงตาท่านเดิน เป็นร่องลึกลงไปในพื้นดิน
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 24-11-2009 เมื่อ 06:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา