พระอาจารย์กล่าวกับพระลูกศิษย์ที่มาเบิกเงินค่าเล่าเรียนว่า "วันนี้ความจริงไม่มีเงินให้พวกคุณหรอกนะ แต่ผมก็แปลก...เป็นคนไม่มีเงินได้ไม่เกิน ๑ วัน เมื่อเช้านั่งรับสังฆทานมีโยมถวายมา ๖ แสนบาท เออ...ค่อยพอใช้หน่อย ก่อนจะมานี่ช่างเขาเบิกไป ๑ ล้านกว่าบาท หมดกระเป๋าเลย ผมก็ยังว่าเดี๋ยวพระท่านมาเบิกค่าเรียนแล้วจะจ่ายอย่างไร เมื่อเช้านั่งอยู่พักหนึ่งโยมถวายมา ๖ แสนบาท...ค่อยยังชั่วหน่อย
โยมเกษียณแล้วเอาเงินออมที่ทางหน่วยงานหักเอาไว้มาทำบุญ หน่วยงานทำลักษณะนั้นก็ดีนะ เท่ากับบังคับให้ฝากเงิน แต่โยมคงจะไม่เดือดร้อน เพราะว่าเป็นเงินออมที่จมอยู่เฉย ๆ เวลาเกษียณได้เงินคืนมา ก็เลยเอามาถวายพระเพื่อทำบุญหมดเลย
บางทีศรัทธาของโยมก็น่ากลัว ถ้าคนไม่รู้จักกันจริง ๆ อาตมามักจะไล่ให้กลับบ้านไปคิดดูก่อน ดูว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินส่วนนี้ไหม ? คิดให้รอบคอบ อีกอาทิตย์หนึ่งค่อยมาให้คำตอบ โยมบางท่านก็บ่นเอาว่า ให้แล้วอาตมายังจะเรื่องมากอีก
ตอนนี้มีอยู่ ๒ รายที่เวลาจะถวายอะไรก็ต้องรีบบอกว่า “คิดรอบคอบแล้ว...ไม่เดือดร้อนครับ” เมื่อตอนกฐินโยมถวายทองคำมา ๒๔๕ บาท เขายืนยันว่าเป็นทองที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อใหม่ แล้วก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งสะเทือนด้วย อาตมาจึงต้องรับเอาไว้ ถ้าเป็นพวกเราถวายทองคำ ๒๔๕ บาท คลำดูหน้าแข้งน่าจะสะอาดเอี่ยม ไม่มีเหลือสักเส้น..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2016 เมื่อ 20:06
|