มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวมาเต็มที่ โดยที่ไม่ได้นึกว่าจะเป็นอันตรายต่อพระหรือเปล่า ใส่น้ำหอมกลิ่นฟุ้งมาเลย ทันทีที่ได้กลิ่นอาตมาก็กลั้นหายใจ เพราะถ้ารู้ว่าหายใจต่อไปจะต้องคิดแล้ว ว่าชอบหรือไม่ชอบ
พอกลั้นหายใจแล้วก็ตั้งใจดู พระพี่พระน้องตลอดทั้งแถว ๑๑ รูป กลั้นใจหมดเลย อาตมาเองก็ขำ พอเข้าไปถึงหอฉัน จึงไปจี้ถามหมดทุกรูปเลย "เป็นอย่างไร ? กลั้นใจใช่ไหม ?" "ใช่ครับ" แม้กระทั่งหลวงตาวัชรชัยก็ด้วย
เรื่องอย่างนี้เราต้องทดสอบทุกวัน ไม่อย่างนั้นตัวมโนมยิทธิจะไม่คล่อง พอหลังจากฉันเสร็จก็มานั่งวิเคราะห์กันว่า ตกลงว่าที่พวกเราทำกันนั้น เป็นการที่เราหนีปัญหา หรือเราแก้ด้วยปัญญา ? ถ้าเป็นการหนีปัญหา เราจะสู้ไม่ได้ตลอดไป แต่ถ้าเราแก้ปัญหาด้วยปัญญาเรายังพอมีทางสู้
หลังจากที่นั่งวิเคราะห์กันเสร็จสรรพแล้ว สรุปได้ความว่า เป็นการแก้ปัญหาด้วยปัญญา เพราะรู้ว่าตอนนั้นยังสู้ไม่ได้ เราต้องหลบก่อน โดยเฉพาะหลวงตาท่านว่า "ไอ้ห่_แชนแนลนัมเบอร์ไฟว์ ของโปรดกูเลย..!"
เพราะฉะนั้น..ญาติโยมบางคนไปวัด ลืมไปว่าสิ่งที่ตัวเองทำอาจเป็นอันตรายต่อพระเณรโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ใช่พระเณรที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อละกิเลสอย่างลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงจริง ๆ คงฟุ้งซ่านไปหลายราย ขนาดนั้นทั้งแถวยังกลั้นใจกันหมด..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2011 เมื่อ 03:03
|