เมื่อสภาพจิตของเราสงบระงับแล้ว ก็ให้มาพินิจพิจารณาดูศีลทุกข้อของเรา ว่าบริสุทธิ์บริบูรณ์ดีหรือไม่ ? เรารักษาศีลทุกข้อได้แล้ว เรามีการยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีลหรือไม่ ? เรารักษาศีลทุกข้อได้ ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีลได้ เมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล เรามีจิตยินดีด้วยหรือไม่ ?
หลังจากนั้นมาพิจารณาดูว่า ตัวของเรานี้ก้าวเข้าไปหาความตายเป็นปกติ ถ้าหากว่าชีวิตนี้สิ้นสุดลงไป ไม่ว่าจะหมดอายุขัยก็ดี เกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราก็จะขอไปพระนิพพานแห่งเดียว แต่การที่จะไปพระนิพพานให้ได้ง่ายนั้น ก็ต้องประกอบไปด้วยคุณพระรัตนตรัย ก็คือทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้แน่นแฟ้นจริงจัง ไม่ล่วงเกินทั้งต่อหน้าและลับหลัง แล้วก็น้อมจิตน้อมใจไปว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ในที่ใดเลยนอกจากพระนิพพาน
เราอยู่กับพระองค์ท่าน เราภาวนานึกถึงพระองค์ท่าน ก็คือเราอยู่ที่พระนิพพาน ถ้าสามารถโยงกำลังใจของตนเข้าไปได้เช่นนี้ กำลังใจสุดท้ายของเรา ก็จะเกาะอยู่กับพระนิพพานได้
ในอันดับแรกนั้น การเกาะของเรา ก็คือเกาะในลักษณะของการเกาะความดี เมื่อสภาพจิตเคยชินกับความดี ถ้าทำไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดีถึงที่สุดแล้ว สภาพจิตจะคลายจากการเกาะดีไปเอง เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๓
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2020 เมื่อ 01:06
|