พระอาจารย์กล่าวว่า “มีญาติโยมบางท่านปฏิบัติธรรมแล้วได้ทิพจักขุญาณชัดเจน แต่ขาดปัญญา ก็เลยโดนหลอกให้ทำนั่นทำนี่ไปเรื่อย ล้วนแต่เป็นสิ่งดี ๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง ส่วนใหญ่ก็ทำเพื่อส่วนรวม แล้วก็ไปทำตามความรู้ของตนเองที่เกิดจากอำนาจความเป็นทิพย์นั้น โดยที่ไม่ได้พินิจพิจารณาว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้ช่วยในการตัดกิเลสของเราเลย เป็นการหลอกให้เราทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย ๆ จนไม่มีเวลามาพิจารณาตัดกิเลส ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงมรรคถึงผลได้เสียที
อาตมาเห็นแล้วถึงได้คิดว่า คนเราถ้าไม่รู้ไม่เห็นจะปลอดภัยที่สุด เพราะว่ามารหลอกเราได้ยาก แต่ถ้ารู้เห็นยิ่งชัดเจนก็ยิ่งโดนหลอกง่าย อยากจะยกตัวอย่างบางท่านที่มีวิสัยพุทธภูมิเก่า ถึงเวลาสามารถติดต่อพระพุทธเจ้าได้ชัดเจนแจ่มใสมาก ท่านก็สั่งให้ทำนั่นทำนี่ไปเรื่อย โดยที่ตนเองเคารพในพระก็ไม่ได้พินิจพิจารณาว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นทำไปแล้วเสริม ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราให้เจริญขึ้น หรือว่าทำให้เราเสียเวลา ? ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีความก้าวหน้าเลย ทำให้เสียเวลาไปปีแล้วปีเล่า โดยที่ไม่ได้สร้างความดีอะไรเพิ่มเติมให้กับตนเอง นอกจากได้ทำงาน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2020 เมื่อ 14:50
|