หลังจากทุกท่านร่วมกันทำวัตรเช้ากันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว กำหนดการเดินทางก็เริ่มขึ้นเวลา ๖.๐๐ น. โดยอาศัยรถกระบะของทางวัดหนึ่งคัน ซึ่งทางโยมได้กราบเรียนขออนุญาตใช้งานกับหลวงพ่อไว้แล้ว ทุกคนโดยเฉพาะท่านชายชาตรีทั้งหลาย ก็จัดสรรปันส่วนพื้นที่ท้ายกระบะให้มีความเพียงพอกับจำนวนคน เล่นเอากระผมนั่งจนเหน็บชากินก้นไปเลย เราเดินทางไปซื้อหาเสบียงอาหารก่อน ญาติโยมได้นิมนต์กระผมและพระครูหน่อย ฉันข้าวเช้าที่ตลาดเลยเพื่อความสะดวก โดยให้เวลาโยมแยกย้ายกันไปหาเสบียงอาหารของแต่ละท่านเป็นเวลา ๒๐ นาที หลังจากนั้นเราก็เดินทางตามเส้นทางหมายเลข ๓๒๗๒ (ทองผาภูมิ-บ้านอีต่อง) ผ่านเขื่อนวชิราลงกรณ ไปประมาณ ๒๐ กม.มีป้ายบอกทางอยู่ขวามือเข้าสวนป่าทองผาภูมิ เห็นซุงไม้สักขนาดพอใช้งานได้กองอยู่มากมาย บรรยากาศยามเช้ากับหมอกที่ลงจัด มันเหมือนอีกโลกหนึ่งซึ่งห่างไกล แต่อยู่ใกล้วัดท่าขนุนแค่นี้เอง
ในขณะที่รถของเรากำลังวิ่งเข้าไปยังเป้าหมาย ก็มีรถกระบะบรรทุกคนงานที่ไปทำงานในสวนป่าตามหลังมาหนึ่งคัน ถึงจะเป็นแค่รถกระบะขับเคลื่อนสองล้อธรรมดา แต่ฝีมือคนขับนั้นร้ายเหลือ ถนนที่เต็มไปโดยโคนพี่แก่ยังสไลด์ซ้ายบ้างขวาบ้างตามมาติด ๆ ต้องนับถือความเคยชินชนิดที่เรียกว่า "ขับจนเป็นฌาน" ของลุงคนขับ แต่รถของเราต่างหากที่วิ่งช้าและด้วยถนนแคบ จึงไปสามารถหลบให้รถเจ้าถิ่นแซงไปได้ ๕๕๕๕๕ ขอพระขำบ้างได้หรือเปล่าโยม
ผ่านหอดูไฟป่าได้ไม่นานรถเราก็มาถึงป้ายบอกทางเข้า "เส้นทางเดินป่า บึงลับแล-ต้นไม้ยักษ์" คราวนี้เส้นทางแคบลงกว่าเดิม สองข้างทางไปด้วยต้นไม้ที่มีหนามยื่นออกมาจากริมป่าสองข้างทาง บางครั้งแทบหลบไม่ทันเพราะหนามทั้งต้น ใครหลบไม่ทันรับรองได้ว่า ได้หนามมาเต็มแขนแน่ ๆ โดนกันไปตาม ๆ กัน ถึงจะพยายามหลบแล้วแต่พื้นที่ท้ายกระบะมันบีบ เพราะโดยสารกันมาหลายท่าน ใครว่ามีวิชาดีหนังเหนียว วันหลังต้องของเชิญครับ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 20-12-2009 เมื่อ 00:15
|