ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 01-09-2010, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,399,995 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วปัจจุบันนี้ พระสังฆาธิการนับตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เขาให้ปรับวุฒิการศึกษา ใครยังไม่ได้ปริญญาตรี ต้องเรียนให้ได้ เขาต้องการความรู้มากขึ้นทุกที

จริง ๆ แล้วนี่เป็นการแก้ปัญหาในทางที่ผิด เขาคิดว่าความผิดพลาดต่าง ๆ ที่มีมาในวงการสงฆ์ เกิดจากพระไม่มีความรู้ แต่ผมว่าไม่ใช่..พวกที่รู้มากนั่นแหละ เลี่ยงบาลีเก่ง ทำผิดอยู่เรื่อย ถ้าหากว่าเราสอนพระให้รู้จักละอายชั่วกลัวบาป ให้รักศีลของตัวเอง ผมว่าทุกอย่างจบเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนมาก

แต่ในเมื่อเป็นนโยบายของทางผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ผมก็ต้องไปเรียนกับเขา บางทีก็สงสัยเหมือนกันว่าเรียนไปแล้วได้อะไร เพราะว่าสิ่งที่เราต้องการรู้คือธรรมะของพระพุทธเจ้า

แต่ว่าการเรียนระดับปริญญา โดยเฉพาะปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เขาสอนให้สงสัยทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าสอน ให้คิด ให้วิเคราะห์ แล้วจะเอาอัจฉริยะที่ไหนขนาดนั้นไปสอน คิดว่าจะมีคนเก่งกว่าพระพุทธเจ้าหรืออย่างไร ?

จริงอยู่..การศึกษาทุกอย่างจะต้องเปิดกว้าง ต้องให้มีการคิดการโต้แย้งได้ แต่นั่นต้องเป็นความรู้อย่างอื่น ไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธเจ้า
อัจฉริยะมนุษย์อย่างพระพุทธเจ้า เวลา ๔๕ ปี ที่สอนคนมา เป็นธรรมะทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ทุกอย่างผสมกลมกลืนเข้ากันได้หมด สมบูรณ์บริบูรณ์ ตัดออกก็ขาด เติมเข้าก็เกิน แล้วใครจะเก่งขนาดไปวิเคราะห์ธรรมะของพระพุทธเจ้า

จะเสียเวลาตายเปล่าไม่ได้อะไรขึ้นมา ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นอริยสัจ คือ ความจริงอันประเสริฐ เรามีหน้าที่ทำตามอย่างเดียวก็พอแล้ว ถ้าอยากจะเก่ง โน่น..รอเกิดเป็นพระพุทธเจ้าเองแล้วค่อยว่ากัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2010 เมื่อ 03:06
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา