"...คำว่าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนี้หมายความไปจนถึงไปเข้าวัดฟังธรรม เขาเรียกกันว่าไปนั่งสมาธิ แต่บางทีก็เข้าใจกันไม่ดีว่าการปฏิบัติดีชอบมีอย่างไร มีหลายขั้น ปฏิบัติดีชอบธรรมดานั้นสำคัญ คือแต่ละคนก็มีอาชีพการงาน หรืออย่างเวลาอายุยังน้อย ๆ ก็มีหน้าที่ที่จะเรียนหนังสือให้มาก ต่อมาก็มีหน้าที่ที่จะทำมาหากิน ตั้งแต่ขั้นที่จะปฏิบัติงานคือขั้นที่เป็นงานการที่ไม่ใหญ่โตนัก
ต่อมาก็ได้ความชำนาญ อันนี้ปฏิบัติดีชอบ ก็มีอีกอย่างหนึ่งถึงขั้นสูงอย่างบวชเป็นพระ หรือเข้าไปเล่าเรียนในวัด ปฏิบัติธรรมะทุกขั้นต้องเป็นการไม่ใช่ว่าสูง ชั้นสูง ขึ้นชั้นสูง ไม่เชิงว่าสูงขึ้น แต่ว่ามีหน้าที่ต่างกัน แต่ที่สำคัญมากก็คือ เวลาเราปฏิบัติงานการต่าง ๆ มีหน้าที่งาน จะเป็นงานที่เรียกว่างานส่วนตัว ทำมาหากินทางการค้า หรืองานทำมาหากินแบบเป็นครูหรือเป็นข้าราชการ ก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ต้องทำสิ่งที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น อันนี้เป็นพื้นฐาน
ถ้าหากทำงานในพื้นฐานหรือทำงานในด้านที่จะขัดเกลาจิตใจเหมือนกัน ข้อสำคัญคนเราทุกคนมีที่เรียกว่าจิต บางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกจิตคืออะไร ก็คือไม่เห็น คือเขาบอกว่าเขาเรียกว่าจิตใจ บางคนก็นึกว่าอยู่ที่หัวใจบ้าง หรือคนสมัยใหม่ก็อาจจะบอกอยู่ที่สมอง เป็นจิต เป็นตัวเรา ที่อยู่ที่ไหนก็ตาม จิตนี้เราจะมองเห็นได้ ถ้าเราทำจิตใจนี้ให้ผ่องใส
เมื่อทำจิตใจให้ผ่องใสก็เห็น เห็นจิต ตามธรรมดานั้นพูดถึงว่าจิตนี่ก็เป็นสิ่งที่จะดูยาก ที่จิตดูยากเพราะว่าจิตที่อยู่นิ่ง ๆ ก็จะไม่เห็น อย่างเราดูอากาศหรือดูน้ำ มันไม่ค่อยเห็น อย่างในห้องนี้เราดูอากาศเห็นหรือเปล่า ก็ไม่เห็น
แต่ว่าถ้าเราดูไปทางหน้าต่างเห็นสีฟ้า มันก็เป็นลักษณะอากาศ อากาศมีสีฟ้าก็เห็น แต่เห็นยาก จิตนี้ก็เหมือนกันเห็นยาก แต่ถ้าดูฟ้าหรือดูข้างนอกเราเห็นเมฆ เมฆมันลอยไป เมฆมันลอยไปทำไม ก็เพราะว่าอากาศมันเคลื่อน แต่เราเห็นเมฆนั้นมันเป็นเมฆ ไม่ใช่ลม ไม่ใช่อากาศ จิตเหมือนกันถ้าเราอยู่เฉย ๆ มันไม่เห็น แต่ถ้าสมมุติว่าเรามองเห็น ดูอะไรเราชอบใจ จะเห็นว่าจิตผ่องใส อันนี้เป็นวิธีที่จะดูจิต อันนี้เป็นวิธีที่จะทำให้สามารถรู้จักจิต..."
|